แนวคิดเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ เป็นแนวคิดที่มาจากต่างประเทศหรือเปล่า?

คำถามข้อนี้เป็นอีกหนึ่งคำถาม ถึงแม้ว่าจะมีถามเข้ามาไม่บ่อยนัก แต่ก็น่าสนใจ คำตอบคืออย่างนี้ครับ…หลักทั้งหมดของแนวคิดเด็กสองภาษานั้นมาจาก ประสบการณ์การสอน การทดลอง การค้นคว้ากระบวนการเรียนรู้ภาษาแม่ และได้สรุปออกมาเป็นหลักการแนวคิด…ทั้งหมดมาจากผมเอง ดังนั้นถ้าคุณได้ศึกษาเรื่องการสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กหลายๆที่ จะพบว่าหลักบางส่วนจะตรงกับแนวคิดเด็กสองภาษา แต่หลายอย่างก็แตกต่างกัน และบางเรื่องก็แตกต่างกันอย่างมาก อย่างเช่นหลักข้อที่หนึ่งของแนวคิดเด็กสองภาษาคือ “ไม่แปล” ในขณะที่โรงเรียนหรือสถาบันการสอนภาษาอังกฤษหลายๆที่ สอนไปแปลไป…แนวคิดเด็กสองภาษาเน้นพ่อแม่เป็นคนสอน ในขณะที่สำนักอื่นเน้นจุดขายเป็นเจ้าของภาษา…แนวคิดเด็กสองภาษา ไม่ได้พูดถึงเรื่องร้องรำทำเพลงภาษาอังกฤษ ในขณะที่สถาบันสอนเด็กอัจฉริยะทั้งหลายเน้นเรื่องนี้เหลือเกิน…แนวคิดเด็กสองภาษา เน้นการฟังพูดให้ได้จากความรู้สึกในช่วงสี่ขวบแรก แต่พ่อแม่หลายคนก็พยายามฝึกเด็กให้อ่านให้ออกตั้งแต่สองขวบ…แนวคิดเด็กสองภาษาพูดถึงไวยากรณ์อยู่ในความรู้สึก ดังนั้นสอนไวยากรณ์ ก็ไม่จำเป็นต้องสอนไวยากรณ์ดั่งเช่นเดียวกับภาษาแม่ ที่เราใช้ไวยากรณ์ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง แต่พ่อแม่ไม่เคยสอนหลักไวยากรณ์ให้กับเรา…แต่โรงเรียนจัดหนักกับการท่องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพื่อไปทำข้อสอบให้ได้ ผมเองเรียนมาทางสายวิทย์ การประมวลข้อมูลทั้งหลายออกมาเป็นหลักการแนวคิด ตัดสิ่งที่ไม่ใช่ออกไปให้มากที่สุด ฟันธงประเด็นต่างๆ นับว่าเป็นเรื่องที่ผมถนัดและชื่นชอบในการถ่ายทอด ดังนั้นแนวคิดเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ เป็นแนวคิดเฉพาะที่ถูกออกแบบมาตอบโจทย์การเรียนรู้ภาษาที่สอง โดยจำลองสภาพแวดล้อมให้เรียนรู้ดั่งเช่นเราเรียนรู้ภาษาแม่ และอาศัยกลไกขับเคลื่อนที่ใกล้ตัวเด็กที่สุด สร้างความถี่ได้มากที่สุด ตั้งใจมากที่สุด รักเด็กมากที่สุดมาสร้างให้เกิดนั่นก็คือ….พ่อแม่ การเริ่มต้นจะต้องเริ่มจากความไม่สมบูรณ์แบบแล้วค่อยๆพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และนี่คือแกนหลักของแนวคิดเด็กสองภาษาครับ การเตรียมพร้อมลูกให้เป็นเด็กสองภาษา ตั้งแต่ยังเด็ก ถือว่าเป็นรากฐานที่ดีที่จะทำให้เด็กฟังพูดภาษาอังกฤษได้ดี และเมื่อโตขึ้น เขาจะได้เปรียบในการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เพราะขุมความรู้ในโลกส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ เขาจะเรียนรู้ได้ทันที ไม่ต้องรอคนมาแปล อีกทั้งเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลามากมายไปนั่งเรียนภาษาอังกฤษนอกเวลาทำงานอีก…อย่างที่คนรุ่นพ่อแม่ต้องทำในปัจจุบัน การฝึกเด็กฟังพูดภาษาอังกฤษจากความรู้สึกตั้งแต่เล็ก ระยะเวลาสะสมนับสิบปีจะช่วยให้เขามีโอกาสที่ดี และมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในการศึกษาเรื่องต่างๆในอนาคตครับ พ่อแม่ที่กำลังคิดจะมีลูก หรือลูกยังเล็กๆ […]

สามข้อไม่ควรทำ ในการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา!

พ่อแม่ที่เริ่มสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา มีอยู่สามสิ่งที่ไ่ม่ควรทำ ให้พ่อแม่ลองเช็คดูว่าได้ทำไปแล้วบ้างหรือยัง? ใครที่ทำไปแล้วก็ต้องมาแก้นะครับ

เด็กสองภาษา เด็กภาษาสองชั้นคืออะไร ต่างกันอย่างไร?

ผมเชื่อว่าเป้าหมายของพ่อแม่ทุกคนอยากให้รู้ตัวเองเป็นเด็กสองภาษาที่มีศักยภาพ พูดภาษาอังกฤษไพเราะ ออกมาจากความรู้สึก แต่หลายท่านอาจจะไม่รู้ว่า การสอนผิดทาง น้องจะไม่ได้เป็นเด็กสองภาษาตามนิยามนี้ แต่จะกลายเป็นเด็กภาษาสองชั้นแทน แล้วมันคืออะไร และอะไรนำไปสู่เส้นทางนี้ หาคำตอบได้ในคลิปนี้นะครับ

สอนลูกเป็นเด็กสองภาษา ควรเลือกสำเนียงอังกฤษอะไรดี?

ภาษาอังกฤษมีอยู่หลายสำเนียง ยิ่งรวมสำเนียงถิ่นเข้าไปด้วยยิ่งมากมาย แล้วพ่อแม่เมื่อเริ่มสอนเราจะใช้สำเนียงไหนดี มาหาคำตอบกัน

ทำไมเราเรียนภาษาอังกฤษมากว่าสิบปี ถึงพูดไม่ได้ฟังไม่ออก?

เพราะสิ่งที่เราเรียนในโรงเรียน ลำดับการเรียนการสอนมันฝืนวิถีธรรมชาติในการเรียนรู้ภาษา เราเน้นเรียนภาษาแบบคณิตศาสตร์ คิดมาก ท่องจำ ในขณะที่เราเรียนภาษาแม่โดยไม่ต้องเรียน แค่เลียนแบบสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ในบริบทนั้นๆแล้วใช้ความรู้สึกแทน

รอให้เด็กพูดภาษาไทยให้ได้ก่อนแล้วค่อยสอนพูดสองสามภาษาดีกว่าไหม กลัวเด็กพูดช้าและสับสน!

สังคมไทยโดยส่วนใหญ่เป็นสังคมภาษาเดียว ถึงแม้มีภาษาถิ่นแต่ก็มีความใกล้เคียงกับภาษากลาง พวกเราจึงไม่คุ้นเคยกับการพูดหลายๆภาษาที่มีความแตกต่างกันมากพร้อมกันตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้เรานึกภาพว่าถ้าเด็กต้องรับรู้และพูดมากกว่าหนึ่งภาษาเด็กจะสับสน คำถามข้อนี้ผมไม่ขอตอบเชิงการแพทย์เนื่องจากผมไม่ใช่หมอ แต่ผมอยากจะตอบในเชิงตัวเลขและสังคมมากกว่า ผมอยากให้นึกถึงประเทศเพื่อนบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย หรือสิงค์โปร์ ประเทศเหล่านี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ และมีภาษาถิ่นตามเชื้อชาติของตัวเอง เช่นเป็นครอบครัวจีนก็จะพูดจีนในครอบครัว ถ้าเป็นครอบครัวมาเลย์ก็จะพูดมาเลย์ ถ้าเป็นแขกก็จะพูดฮินดีเป็นต้น ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีการพูดมากกว่าหนึ่งภาษา เด็กที่เติบโตมาก็รับรู้และพูดภาษาต่างๆเหล่านั้นเองอย่างเป็นธรรมชาติตั้งแต่เล็กๆ…คำถามก็คือ…เราเคยได้ยินรายงานว่าเด็กในประเทศเหล่านี้เกิดความสับสนในการพูดหลายภาษาหรือเปล่า? …สำหรับผม..ไม่เคยได้ยิน ถ้ามองให้กว้างออกไปอีก ยังมีประเทศที่ต้องพูดสองภาษาหรือมากกว่าอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นฟินแลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ ฯลฯ และเราก็ไม่เคยได้ยินรายงานความสับสนของเด็กในประเทศเหล่านี้เลย และถ้าเรามีโอกาสอ่านงานวิจัยที่สรุปมาเป็นบทความหรือข่าวเกี่ยวกับเรื่องสองภาษา เราก็จะเห็นว่าบทความเหล่านั้นสนับสนุนการเรียนรู้มากกว่าหนึ่งภาษา โดยเฉพาะการเรียนรู้ตั้งแต่วัยแบเบาะ  สรุปแล้ว ผมเชื่อว่าเด็กทุกคนมีความสามารถในการรับรู้และพูดมากกว่าหนึ่งภาษาอยู่แล้ว เด็กไม่สับสน ขอให้สอนเป็นธรรมชาติ เรียนรู้อย่างมีความสุข และจากประสบการณ์การสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาของตัวเองตั้งแต่วัยแบเบาะ เด็กไม่สับสนในการพูดสองภาษา และสามารถสลับโหมดการพูดจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งได้อย่างอัศจรรย์ ดังนั้นอย่ากังวลเรื่องนี้มากไป ถ้าสนใจเรื่องเด็กสองภาษา ให้ศึกษาแนวคิดให้ดีแล้วก็ค่อยๆเริ่มสอนเลยครับ อย่าพลาดช่วงเวลาทองคำของลูกเลย

สอนลูกเป็นเด็กสองภาษาได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

อยากให้ลูกเป็นเด็กสองภาษา ชอบแนวคิดเด็กสองภาษา แต่ไม่รู้จะเริ่มสอนลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ เริ่มตั้งแต่เล็กๆมันจะเร็วไปไหม คนรอบข้างบอกว่ากดดันลูก เดี๋ยวลูกเครียด รอให้โตก่อนแล้วค่อยสอนจะดีกว่ามั้ย พบคำตอบในคลิปนี้

ส่งลูกเรียนภาษาอังกฤษหาฝรั่งสอนดีกว่าไหม?

“เรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา” หนึ่งในโฆษณาที่พบเห็นได้บ่อยและเป็นหนึ่งในความเชื่อหลักของเราทุกคน ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ การเรียนภาษา ถ้าได้เรียนกับเจ้าของภาษา มันก็น่าจะดีที่สุดอยู่แล้ว แต่… ความเป็นจริงนั้น มันมีปัจจัยและรายละเอียดมากกว่านั้น ตั้งแต่ฝรั่งที่เราเห็นนั้นเขาเป็นเนทีฟจริงหรือเปล่า ฝรั่งที่เราเห็นนั้นเขาสอนเป็นไหม แบ็กราวนด์อาชีพเขาจากบ้านเกิดคืออะไร และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือฝรั่งเนทีฟที่เพียบพร้อมคุณสมบัติที่เราต้องการนั้น ทำไมอยู่สอนแค่แป๊ปเดียวแล้วก็ไป มาค้นหาคำตอบกันนะครับ

ทำไมการท่องศัพท์ถึงจะเป็นผลเสียต่อเด็กในระยะยาว?

การเรียนภาษาอังกฤษในบ้านเรา ในโรงเรียน สิ่งหนึ่งที่ต้องพบเจอตั้งแต่เรายังเป็นเด็กจนถึงปัจจุบันก็ยังทำอยู่ นั่นก็คือการให้เด็กไปท่องศัพท์วันละห้าคำสิบคำ และก็มีการสอบเก็บคะแนนอีกด้วย ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า การทำแบบนี้มันจะส่งผลเสียในระยะยาวกับเด็ก และเกิดสภาวะเป็นพิษต่อความเข้าใจ เป็นพิษต่อความรู้สึกในการพูด ถ้าคุณครูได้อ่านอยู่ คุณครูอย่าทำแบบนั้นเลยนะครับ

พูดจากความรู้สึกคืออะไร ทำไมต้องฝึกให้ลูกพูดจากความรู้สึก?

“การพูดจากความรู้สึก” นี่คือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่แยกการสอนภาษาอังกฤษตามแนวคิดเด็กสองภาษากับภาษาอังกฤษทั่วๆไป โดยเฉพาะในโรงเรียน เพราะเราไม่แปล ไม่ท่องศัพท์ ไม่ต้องมีสคริปต์ แต่กระบวนการฝึกเราเน้นให้เด็กค่อยๆพูดออกมาจากความรู้สึกภายในเอง ไม่ต่างกับเราที่พูดภาษาไทย โดยไม่ต้องคิดเรื่องไวยากรณ์ ใช้ความรู้สึกล้วนๆ และยังมั่นใจ ทั้งที่ไม่เคยท่องศัพท์ภาษาไทยสักคำ ที่น่าแปลกใจก็คือ ผมได้นำเสนอแนวคิดเด็กสองภาษา ในเรื่องการพูดจากความรู้สึกมาตั้งแต่ปี 2009 ในหนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ หลังจากนั้นหลายปี ก็มีฝรั่งเนทีฟ นำเสนอเรื่องนี้อย่างบังเอิญทั้งในเวที Ted Talk และเนทีฟที่สอนเรื่องการออกเสียงผ่าน youtube channel ของตัวเอง นั่นก็เป็นการตอกย้ำความมั่นใจว่าแนวทางนี้คือแนวทางที่ยอมรับในระดับสากล พ่อแม่ที่เพิ่งเข้ามาหรือยังลังเลอยู่กับแนวคิดเด็กสองภาษา ผมอยากให้ฟังสองคลิปด้านล่างนี้อย่างละเอียดครับ คนไทยทุกคนพูดภาษาไทยด้วยความรู้สึก เราไม่จำเป็นต้องนึกถึงไวยากรณ์ภาษาไทยระหว่างพูด แต่เราพูดได้ถูกต้องตามหลักภาษา คิดกับพูดพุ่งออกไปพร้อมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาจากกระบวนการเลียนแบบที่เราถูกขัดเกลามาตั้งแต่เล็กจนโต เรารู้สึกดีและมั่นใจเมื่อเราพูดภาษาแม่ แนวคิดเด็กสองภาษาเป็นการจำลองสภาพแวดล้อมให้เด็กเรียนรู้ภาษาที่สองดั่งเช่นภาษาแม่ จุดเริ่มต้นการสื่อสารแต่ละคำ เด็กจะต้องถูกบังคับให้ตีความการสื่อสารด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เช่นเมื่อเราเจอแมว เราได้เห็นแมว เราได้กลิ่น เรามีโอกาสสัมผัสขน เราได้ยินเสียงแมวร้อง จากนั้นแม่ก็สะกิดเราแล้วบอกว่า “ลูก…นั่นแมว!” และด้วยสัญชาติญาณของมนุษย์ เราจะตีความและ “เลียนแบบ” แต่ในช่วงแรกๆนั้น เราอาจจะออกเสียงอักขระไม่ชัดเจน […]

1 4 5 6 7