ตอนนี้กำลังท้องอยากสอนลูกสองภาษา ควรจะเริ่มสอนตอนไหนดี เด็กเล็กที่สุดที่จะสอนได้เริ่มอายุกี่ขวบ?

ถึงแม้ว่ายังอยู่ระหว่างการตั้งท้อง ก็เริ่มศึกษาแนวคิดเด็กสองภาษาได้เลย เพราะต้องเตรียมตัวพ่อแม่ในเรื่องแนวคิดในการสอน การฝึกพื้นฐานการออกเสียง หัดพูดคำ วลีและประโยค สิ่งเหล่านี้จะต้องใช้เวลา ดังนั้นไม่ต้องรอให้มีลูกก่อน และเมื่อน้องเกิดมาแล้ว ก็สามารถสอนได้ทันทีเลย เด็กจะใช้เวลากว่าปีในการสะสมทุกสิ่งที่อย่างที่คุณสอน ก่อนจะเปล่งเสียงแรกออกมา การสอนตั้งแต่ยังเล็กจะสอนได้ง่าย ไม่มีการต่อต้าน เพราะเขาไม่รู้ว่านี่คือภาษาแม่ หรือภาษาที่สอง กรณีของตัวผมเองนั้น เริ่มสอนลูกตั้งแต่แรกเกิดจนโต โดยใช้ระบบหนึ่งคนหนึ่งภาษา นั่นก็คือผมเลือกพูดภาษาอังกฤษกับลูกอย่างเดียว และแม่เลือกพูดไทยอย่างเดียวครับ

เด็กเล็กเมื่อเราพูดอังกฤษไปแล้วลูกออกเสียงไม่ชัด หรือพูดแต่พยางค์ท้าย ทำอย่างไรดี?

สิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาการพูดครับ เด็กจะพยายามฟังในสิ่งที่พ่อแม่พูดออกมา แล้วพยายามจะเปล่งเสียง “เลียนแบบ” ตาม ซึ่งแน่นอนมันไม่สมบูรณ์ แต่ช่วงเวลานี้จะมีพ่อแม่ทำหน้าที่ “ขัดเกลาการเลียนแบบ” ให้เด็กออกเสียงได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้องอาศัย “ความถี่” เป็นอย่างมาก…ที่กล่าวมานี้คือกระบวนการพูดของภาษาแม่ สำหรับภาษาที่สองก็เช่นเดียวกัน พ่อแม่ต้องเข้าใจในจุดนี้ และต้องช่วยเด็กโดยขัดเกลาการเลียนแบบออกเสียงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนชัดในที่สุด

ผู้ใหญ่สามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษจากความรู้สึกแบบเด็กสองภาษาได้ไหม?

ได้ครับ แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนหลักหลายข้อเพื่อให้สอดคล้องกับการฝึกผู้ใหญ่ ผมใช้เวลากว่าปีในการร่างแนวคิดที่ใช้ฝึกผู้ใหญ่ในการพูดภาษาอังกฤษจากความรู้สึก ซึ่งผมจะเรียกว่า “แนวคิดพูดสองภาษา” แนวคิดนี้มีรากฐานมาจากแนวคิดเด็กสองภาษา มีหลักในการฝึกทั้งหมด 10 ข้อ รายละเอียดของหลักการทั้งหมดให้อ่านในหนังสือ “พูดสองภาษา คุณสร้างได้เอง” นอกจากแนวคิดแล้ว ผมยังได้ออกแบบวิธีการเอาแนวคิดไปปฏิบัติอีกด้วย ซึ่งออกมาอยู่ในหน้าตาของเกมส์พูดสองภาษา ในปี 2012 เป็นปีที่ผมนำเสนอแนวคิดพูดสองภาษาออกสู่สังคม ผมได้ฝึกอบรมให้กับสมาชิกหมู่บ้านเด็กสองภาษา และองค์กรธุรกิจหลายองค์กรที่สนใจเอาแนวคิดนี้ไปใช้ในการฝึกคนในองค์กรให้พูดภาษาอังกฤษให้ได้ ซึ่งผมพยายามจะบอกให้กับทุกคนว่า ผมไม่ใช่ครูภาษาอังกฤษ แต่ผมเป็นคนออกแบบกรอบการฝึกและช่วยสร้างวัฒนธรรมการพูดภาษาอังกฤษในองค์กร ซึ่งสิ่งนี้สำคัญกว่า เพราะถ้าองค์กรมีวัฒนธรรมการฝึกพูดภาษาอังกฤษในองค์กรแล้ว ความถี่ในการใช้จะเพิ่มขึ้นมา ไม่ต้องรอความสมบูรณ์แบบ การพัฒนาและการขัดเกลาการเลียนแบบให้ดีขึ้นเรื่อยๆจากคนในองค์กรซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า

พ่อแม่พูดกันเองพูดภาษาอะไร?

ไม่ว่าคุณจะเลือกระบบในการฝึกเป็น “หนึ่งคนหนึ่งภาษา” หรือ “หนึ่งเวลาหนึ่งภาษา” การสนทนาระหว่างพ่อกับแม่หรือคนในบ้านสามารถคุยด้วย “ภาษาไทย” ตามปกติครับ ให้ใช้ชีวิตตามปกติ เด็กจะไม่งงและไม่สับสน เพราะเขาแบ่งโหมดจากคน แต่ก็อาจจะมีสงสัยบ้าง เมื่อเขาโตขึ้นและอาจจะถามว่า “ (พ่อหรือแม่) พูดไทยได้ ทำไมไม่พูดภาษาไทยกับหนู?” คุณสามารถตอบเลี่ยงๆไปตามที่นึกได้ สำหรับผมเอง เมื่อเพ่ยเพ่ยโตขึ้นมา เขาก็ถาม แต่คนอื่นช่วยตอบแทนว่า “ผมพูดไทยได้แต่พูดไม่เก่ง” เด็กก็ไม่ว่าอะไร ปัจจุบันก็คงเข้าใจแล้วว่าผมพูดไทยได้ แต่ก็ยังคงติดพูดกับอังกฤษกับผมจนถึงปัจจุบัน

พ่อแม่ภาษาอังกฤษไม่กระดิกจะสอนได้อย่างไร?

คำถามข้อนี้นับว่าเป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิต และในเวลาเดียวกันก็เป็น “ข้ออ้าง” ยอดฮิตในการบอกปัดไม่สอนลูก ผมมีข่าวดีสองข้อสำหรับพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาและไม่เก่งอังกฤษครับ ข่าวดีข้อที่หนึ่งก็คือ..พ่อแม่ส่วนใหญ่ที่สอนลูกเป็นเด็กสองภาษา..เป็นพ่อแม่ที่ไม่เก่งอังกฤษครับ และข่าวดีข้อที่สอง อย่าว่าไม่เก่งอังกฤษเลย ต่อให้ภาษาอังกฤษเป็นศูนย์เลยก็สอนได้ ทำไมถึงสอนได้?..เหตุผลไม่ซับซ้อนครับ หนึ่ง..มนุษย์เรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ ดังนั้นอย่าไปปิดกั้นตัวเองและโอกาสที่ดีของลูกด้วยเหตุผลว่าไม่เก่งอังกฤษ คุณสามารถที่จะ “เริ่มต้นเรียนรู้พร้อมลูกได้ เรียนเสร็จแล้วก็สอนเลย” และสิ่งนี้ก็ถูกต้องตามแนวคิดเด็กสองภาษา เหตุผลข้อที่สอง..การเริ่มสอนจะต้องทำความเข้าใจแนวคิดเด็กสองภาษาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งหนึ่งในหลัก 9 ข้อ ก็คือเรื่อง “พื้นที่ปลอดภัย” พ่อแม่ที่รู้ตัวว่าตัวเองอ่อนภาษาอังกฤษจะต้องเริ่มจากพื้นที่การสอนที่น้อยที่สุดก่อนที่ตัวเองรู้สึกปลอดภัย สอนให้ถูกหลัก ออกเสียงให้เคลียร์ตามพื้นที่ปลอดภัย แล้วค่อยๆพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ เพียงเท่านี้ก็เข้าสู่เส้นทางสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาได้แล้วครับ หมอสั่งห้ามไม่ให้เด็กดูทีวี เพราะจะทำให้สมาธิสั้น เราควรให้เด็กดูได้ตอนอายุเท่าไหร่ดี?ทีวีเป็นสื่อที่เน้นการสื่อสารทางเดียว ผมเห็นด้วยกับหมอ ถ้าพ่อแม่เอาทีวีตั้งแล้วปล่อยให้เด็กนั่งดูอยู่คนเดียวนานๆ เด็กจะติดทีวีมากไปและอาจจะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับวัย ผมอยากจะเสนออย่างนี้ครับ.. ให้ใช้ทีวีเป็นเครื่องมือเสริมในการสอนภาษาที่สองให้กับลูก เราไม่ควรปล่อยให้เด็กดูฟรีทีวี ถ้าจะให้ดูควรจะดูผ่านเครื่องเล่นดีวีดี เพราะเราสามารถเลือกสื่อที่เหมาะกับเด็กได้ และควรจะนั่งอยู่กับเขา คุยกับเขาด้วย เพื่อให้กระตุ้นให้เกิดการโต้ตอบ และไม่ควรจะนั่งดูนานเกินไปในแต่ละวันครับ สำหรับสื่อดีวีดีนั้น ควรจะเป็นสื่อที่สอดคล้องกับแนวคิดเด็กสองภาษา เป็นการ์ตูนหรืออนิเมชัน ไม่มีการแปล ภาพไม่เร็วจนเกินไป เสียงชัด ช้าและวนมาซ้ำบ่อยๆ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กเลียนแบบเสียง ตัวอย่างสื่อที่แนะนำ เช่น Baby Einstein, Caillou, […]

เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว สอนลูกเป็นเด็กสองภาษาได้ไหม?

มีคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว (Single Dad) หรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว (Single Mom) ที่อยากจะสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาอยู่พอสมควร ผมอยากจะตอบอย่างนี้ครับ… ถ้ามีเวลาน้อยในการอยู่กับลูก ความถี่คงได้ไม่เยอะ ผมแนะนำให้เลือกระบบหนึ่งเวลาหนึ่งภาษาในการสอน ไม่จำเป็นตอนสอนเยอะ เน้นปูพื้นฐานการออกเสียงให้ดีเป็นหลัก และยึดเรื่องความสุขระหว่างลูกกับพ่อแม่ครับ ถ้าคุณเข้าใจหลักอย่างลึกซึ้งและสอนแม่น อีกทั้งเด็กมีความพร้อมในการรับ ผมคิดว่าเด็กสามารถเป็นเด็กสองภาษาได้เช่นกัน พยายามพาเด็กไปยังพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมเอื้อในการคุยภาษาอังกฤษด้วยจะดีมา ถือว่าเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณความถี่ให้กับเด็ก อย่างไรก็ตาม คนโดยส่วนใหญ่จะไม่เข้ามาขัดเกลาการเลียนแบบให้ลูกคุณ คุณจำเป็นต้องดูแลชิ้นส่วนนี้ด้วยตัวคุณเอง

มีลูกสองคน คนโตและคนเล็ก จะเริ่มสอนใครก่อนและสอนอย่างไรดี?

คำแนะนำ…ให้สอนคนเล็กก่อนครับและโฟกัสที่คนนี้เป็นจุดเริ่มต้น เพราะสอนได้ง่ายกว่า แรงต่อต้านมีน้อย เมื่อคุณเริ่มสอนคนเล็ก คนโตจะมองด้วยความสนใจว่า ทำไมพ่อแม่ถึงใส่ใจเรื่องสอนภาษาให้น้อง เมื่อเด็กโตเริ่มสนใจก็ดึงเขาเข้ามาร่วมในการฝึก และพยายามสร้างทัศนคติให้พี่ช่วยสอนน้อง โดยการพูดภาษาอังกฤษกับน้อง จะเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณความถี่ได้มาก แต่ถ้าเหตุการณ์แตกต่างไปจากนี้ โดยพี่ไม่สนใจเลย คุณอาจจะต้องตัดสินใจเลือกโฟกัสไปที่คนใดคนหนึ่งครับ หรืออีกกรณีหนึ่งคือพี่มีความสนใจ ส่วนน้องดื้อ อย่างนี้ก็ต้องเริ่มฝึกจากพี่ และสร้างทัศนคติให้พี่ไปคุยกับน้องเป็นภาษาอังกฤษ และสอนน้องด้วยครับ

ลูกโตแล้ว ยังสอนให้เป็นเด็กสองภาษาทันไหม?

ไม่มีคำว่าสายสำหรับการสอนสองภาษาครับ เด็กเล็กหรือเด็กโตก็สามารถสอนได้เพียงแต่ว่ามีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องให้เหมาะกับวัยของเด็กแต่ละคน  มีพ่อแม่หลายครอบครัวที่ฝึกลูกเป็นเด็กสองภาษาตอนเด็กโต ไม่ว่าจะเป็นห้าขวบ หกขวบ ไปจนถึงสิบขวบ บางครอบครัว พ่อแม่เข้าใจหลักการดี ฝึกได้แม่นยำ เด็กไม่ต่อต้าน ทำให้ใช้เวลาไม่นานนักที่จะทำให้เด็กพูดสองภาษามาจากความรู้สึก และพูดได้ค่อนข้างเยอะ ตัวอย่างเช่นครอบครัวน้องขมิ้นกับพี่เมือง ตอนเริ่มฝึกน้องขมิ้นอายุ 5 ขวบ พี่ขมิ้น 7 ขวบ ในช่วงแรกของการฝึกคุณแม่น้องขมิ้นยังไม่แม่นในหลักการสอน สอนไปสักพักแล้วเลิก จากนั้นก็มาทำความเข้าใจให้ดีขึ้นแล้วสอนรอบที่สอง การสอนมีความแม่นยำขึ้น เด็กไม่ต่อต้าน เพียงระยะเวลาไม่นานนัก เด็กทั้งสองคนก็สามารถพูดสองภาษาได้ ดังนั้นถ้าสนใจเด็กสองภาษา อย่าปล่อยเวลาผ่านครับ มาเริ่มทำความเข้าใจแนวคิดเด็กสองภาษาและเริ่มฝึกกับลูกกันเลยครับ

พ่อแม่มีเวลากับลูกน้อยมาก จะสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาได้ไหม?

ก่อนอื่นต้องนิยามกันก่อนว่าที่ว่ามีเวลาน้อยนี่ น้อยแค่ไหน?“สามชั่วโมงต่อวัน?” หรือ “สองชั่วโมงต่อวัน?”ถ้าคำตอบคือตัวเลขทำนองนี้ ผมอยากจะบอกว่าผมใช้เวลาพูดคุยกับลูก เพื่อฝึกเป็นเด็กสองภาษาเพียง “หนึ่งชั่วโมงต่อวัน” เท่านั้น เพียงแต่ทำทุกวันอย่างต่อเนื่องและทำอย่างถูกต้องตามหลักการ ก็สามารถสร้างลูกเป็นเด็กสองภาษาได้ครับ พ่อแม่ที่มีเวลาน้อย ผมอยากให้ศึกษาแนวคิดให้ลึกซึ้งเพียงพอ ผมอยากให้ฝึกเด็กอย่างแม่นยำ ยิ่งมีเวลาน้อยยิ่งต้องแม่น การสอนแต่ละครั้งต้องไม่สูญเปล่า แต่ถ้าคุณมีเวลาน้อยกว่านั้นและลูกต้องให้ตายายหรือปู่ย่าเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ ผมอยากให้เน้นความสุขของครอบครัวเป็นหลักครับ เรื่องภาษาให้เป็นรอง เน้นแค่พื้นฐานการออกเสียงให้ดี ที่เหลือทำเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเด็กสองภาษา แต่ก็มีพื้นฐานการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ดี ผมก็ว่าโอเคแล้วครับ ตอนนี้กำลังท้องอยากสอนลูกสองภาษา ควรจะเริ่มสอนตอนไหนดี เด็กเล็กที่สุดที่จะสอนได้เริ่มอายุกี่ขวบ?ถึงแม้ว่ายังอยู่ระหว่างการตั้งท้อง ก็เริ่มศึกษาแนวคิดเด็กสองภาษาได้เลย เพราะต้องเตรียมตัวพ่อแม่ในเรื่องแนวคิดในการสอน การฝึกพื้นฐานการออกเสียง หัดพูดคำ วลีและประโยค สิ่งเหล่านี้จะต้องใช้เวลา ดังนั้นไม่ต้องรอให้มีลูกก่อน และเมื่อน้องเกิดมาแล้ว ก็สามารถสอนได้ทันทีเลย เด็กจะใช้เวลากว่าปีในการสะสมทุกสิ่งที่อย่างที่คุณสอน ก่อนจะเปล่งเสียงแรกออกมา การสอนตั้งแต่ยังเล็กจะสอนได้ง่าย ไม่มีการต่อต้าน เพราะเขาไม่รู้ว่านี่คือภาษาแม่ หรือภาษาที่สอง กรณีของตัวผมเองนั้น เริ่มสอนลูกตั้งแต่แรกเกิดจนโต โดยใช้ระบบหนึ่งคนหนึ่งภาษา นั่นก็คือผมเลือกพูดภาษาอังกฤษกับลูกอย่างเดียว และแม่เลือกพูดไทยอย่างเดียวครับ

สอนสองภาษามาสักพัก ลูกเริ่มเข้าใจภาษาอังกฤษแต่ตอบกลับเป็นไทย ถือว่าโอเคไหม?

สถานการณ์แบบนี้มีให้เห็นบ่อยในการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา ถ้าพ่อแม่คิดว่าลูกเข้าใจในสิ่งที่พูดแล้ว แต่เด็กเงียบหรือตอบกลับเป็นไทย แล้วพ่อแม่ปล่อยผ่าน…นั่นก็ถือว่า “ยังใช้ไม่ได้” ทีนี้มาลองวิเคราะห์ให้ลึกลงไปอีกขั้น กรณีเด็กตอบกลับเป็นไทยนั่นแสดงว่าเด็กยังอยู่ในโหมดไทย ผมต้องการให้เด็กตอบให้ตรงโหมด ถามไทยตอบไทย ถามอังกฤษตอบอังกฤษ โหมดระหว่างคู่สนทนาต้องตรงกัน กรณีเด็กเข้าใจในสิ่งที่บอก..แต่เงียบ…ก็ถือว่าเด็กไม่ถูกกระบวนการขัดเกลาการเลียนแบบ…ต่อไปข้างหน้า เด็กอาจจะฟังรู้เรื่อง แต่จะพูดอังกฤษไม่ได้ การที่เด็กจะพูดจากความรู้สึกได้นั้น ขั้นตอนของการพูดจากความรู้สึกจะต้องครบถ้วน ถ้าคุณยังงงกับประเด็นนี้ให้วกกลับไปอ่านหัวข้อ “การพูดจากความรู้สึก เกิดขึ้นมาได้อย่างไร”

1 2 3 4 5 6 7