Posted by แม่เพ่ยขอแจม on December 27, 2014 at 11:55pm in ห้องรับแขก
เปิดห้องรับแขกส่งท้ายปี 2557 ต้อนรับปีใหม่ 2558 ท่ามกลางความอบอุ่นแห่งสายลมหนาว…..
ความจริงพี่อยากเชิญครอบครัวนี้เข้าสู่ห้องรับแขกเมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาแล้ว เราเจอกันหลายครั้ง คุยกันหลายหน แต่ก็ยังไม่สามารถเก็บ รายละเอียดหรือแม้แต่จะเก็บรูปภาพสวยๆได้อย่างเพียงพอสักครั้งเดียว สิ่งที่รู้จากการที่ได้พบเจอกันมีเพียงแค่ภาพทะเล้นๆของไออุ่นและเรื่องที่หมอเนติ์คนนี้เธอพูดเก่งมากกกกกก…ขนาดติดในอันดับ 1 ใน 5 เลยทีเดียว
รอโอกาสเชื้อเชิญจนพี่ชักจะลืมเลือน แล้วเราก็เริ่มสนิทกันจนประมาณว่า เนติ์ไม่ใช่แขกแล้วล่ะ แต่เธอเป็นเหมือนเจ้าของบ้านไปละ
หลายเดือนที่ผ่านมา เราชวนกันเล่นๆว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นกันไม๊ ??…หมอเนติ์ตอบทีเล่นทีจริงว่าไปเมื่อไรพี่ ?? แล้วพี่ก็ผ่านเลย ^___^
กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เริ่มมีการส่งสารพัดโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นผ่านแชทไลน์มา จนอ่านไม่ทัน….จากหมอเนติ์ และในที่สุด ทริปการเดินทางครั้งนี้จึงเกิดขึ้น!!
ห้องรับแขกจึงถูกเปิดประตูขึ้นอีกครั้งเพื่อรับมิตรภาพและไออุ่นแห่งฤดูเหมันต์
การเดินทางครั้งนี้ เราคุยกันน้อยกว่าที่เคยเป็น…และมันทำให้พี่ได้มีเวลาย้อนคิดไปถึง ณ จุดเวลาที่ล่วงมาเกือบ 2 ปี เสียงผ่านเครื่องโทรศัพท์เกือบทุกวันของคุณหมอฤทัย (ในวันนั้น) เฝ้าถามแต่เรื่องอยากมุ่งมั่นสร้างกลุ่มเด็กสองภาษาที่พิษณุโลกให้ได้เหมือนกลุ่มขอนแก่นของคุณหมอภา และกลุ่มรังสิตของคุณหมอเอ๋….หมอฤทัยบอกมันยาก…แต่อยากได้ อยากให้มี จะทำอย่างไรดี แล้วถ้ามีแล้วจะให้ดีแบบเขาได้อย่างไร สารพัดคำถามที่ชวนให้เข้าใจและมึนงง
แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้…วันนั้นที่เริ่มจากศูนย์ และวันนี้ที่มันทะลุล้นจุดที่ตั้งใจไปแล้ว จากกลุ่มที่ก้าวตาม…กลายเป็นกลุ่มที่ก้าวทัน..และสุดท้ายเป็นกลุ่มที่อยู่ในแถวหน้า หลายๆครอบครัวที่มาร่วม workshop ล้วนพูดถึงศักยภาพของพ่อแม่เด็กสองภาษากลุ่มพิษณุโลก!! อะไรคือจุดผลักดันให้เป็นเช่นนี้ได้…กลุ่มพิษณุโลกพุ่งแรงแซงทางโค้งมาเพราะเอ็มร้อย หรือเอ็มร้อยห้าสิบจริงเหรอ???
ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างการท่องเที่ยว…..
หมอโต้หายไป….จากสายตา ท่ามกลางกลุ่มนักท่องเที่ยวมากมาย
เสียงหนึ่งดังขึ้น “< โต้ >>>>> “ แน่นอนว่าสายตานักท่องเที่ยวหันมามองที่ต้นเสียงอย่างไม่ต้องสงสัย ———-> เพื่อตามหาสิ่งที่ฉันรักและดีที่สุดสำหรับฉัน “ฉันจะทำ แม้ในสิ่งที่คนอื่นมองอย่างประหลาดใจ..แต่ฉันก็มั่นใจ”
ในขณะที่พี่เก็บภาพกับเพ่ยเพ่ยอย่างเพลิน เสียงเดิมก็ดังขึ้น “ อุ่น ไปยืนตรงที่พี่เพ่ยยืนลูก มุมสวยดี ขอก๊อปมุมเลยนะพี่ “ อืมก็ได้ แต่ขอค่าลิขสิทธิ์ด้วยนะเนติ์ ———-> “ก็ในเมื่อว่าฉันเห็นว่าสิ่งนั้นมันดีแล้ว ฉันก็หยิบมันมาใช้ ไม่ต้องไปเสียเวลาเริ่มต้นหาใหม่ เพียงแต่อาจจะปรับเปลี่ยนมุมและท่าทางให้เป็นแนวที่เหมาะกับฉันมากขึ้น”
เมื่อพวกเราไปเล่นสเลดในลานหิมะกัน ตอนแรกเนติ์เป็นคนเดียวที่ไม่ยอมเล่น เพราะกลัว…แต่สุดท้ายด้วยความอยากให้ลูกได้มีช่วงเวลาแห่งความสุข ก็ลองเล่น..แล้วก็ไม่เลิกซะงั้น ———-> “แม้จะรู้สึกว่ามันยากและน่ากลัว แต่เพื่อให้ลูกได้รับในสิ่งดี…ฉันก็พร้อมที่จะกล้าและทำมัน”
บางครั้งแอบเห็นเนติ์นั่งหมดแรง..สายตาเหม่อ แต่เมื่อเห็นหมอโต้ เนติ์จะยิ้มออกมาแล้วถามว่า..”พ่อเหนื่อยไม๊ พ่อมานั่งตรงนี้ พ่อพักก่อน”และในค่ำคืนวันหนึ่ง ก่อนที่เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราจะต้องออกเที่ยวเอง โดยไร้เงาไกด์นำทาง ภาระการนำทางและดูแลคนอีก 4 คน จึงตกเป็นหน้าที่ของหมอโต้ ผู้ที่ไม่คุ้นเส้นทาง และไม่คุ้นภาษา…ความเครียดและความกังวลเริ่มปรากฎชัด…แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ แม่รู้ว่าพ่อทำได้” ———-> “แม้จะรู้ว่ามันยาก แม้จะยังไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ฉันก็พร้อมที่จะเป็นกำลังใจและให้ความเชื่อมั่นในตัวเธอ…ว่าเธอทำได้”
ตลอดการเดินทาง….พี่แทบไม่เคยเห็นคู่นี้เดินห่างกันเลย ทุกครั้งที่ซื้อน้ำซื้อขนม..เขาจะซื้อมาฝากกันและกันเสมอ (แต่ไม่ได้ฝากพี่อ่ะ โฮๆๆ) ———-> “เราจะเดินไปด้วยกัน..เราจะดูแลกันและกัน มีฉันและมีเธอบนเส้นทางที่ก้าวเดิน”
ทั้งหมดนี้มันทำให้พี่ไม่แปลกใจเลยว่า..ทำไมกลุ่มเด็กสองภาษาพิษณุโลกจึงเข้มแข็งได้ขนาดนี้ จริงอยู่ที่ว่าคนเพียงคนเดียวไม่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากครอบครัวอื่นๆ…แต่ก็อดคิดไม่ได้แหล่ะว่า “ผู้หญิงคนนี้ เธอมีดีจริงๆ
ขอขอบคุณหมอเนติ์ หมอโต้ น้องไออุ่น…ครอบครัวธนานิธิศักดิ์ ที่วันนี้ได้ร่วมก้าวเดินไปด้วยกัน…ดูแลซึ่งกันและกัน…มุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีไปด้วยกัน….ขอบคุณที่วันนี้ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหมู่บ้านเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ด้วยกัน…ขอบคุณในไออุ่นแห่งมิตรภาพที่ผ่านพลิ้วมาในสายลมแห่งเหมันตฤดู..ขอบคุณจริง..จริง