น้องเน็กซ์-เนม


ครอบครัว: แก้วสมุทร
สัมภาษณ์: คุณนรากร แก้วสมุทร
เด็ก: พี่เน็กซ์ (6 ขวบ 2 เดือน) น้องเนม (4 ขวบ 7 เดือน)
อาศัยอยู่จังหวัด: ระยอง

ก่อนหน้านี้สอนภาษาอังกฤษแบบใด
สอนเองเป็นคำๆ ครับ แต่ไม่แปล บางทีก็พูดเป็นประโยคสั้นๆ แต่ไม่ได้พูดตลอดและไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะพูดตามได้

เริ่มฝึกตามแนวคิดเด็กสองภาษา ตอนเด็กอายุเท่าไร แล้วทำไมถึงเปลี่ยนมาสอนตามแนวคิดเด็กสองภาษา
เจอเว็บไซต์สองภาษาดอทคอม แล้วซื้อหนังสือเด็กสองภาษาเล่มหนึ่งมาอ่าน แล้วก็เริ่มทำตามแนวทาง ตอนนั้นพี่เน็กซ์อายุ 5 ขวบ 4 เดือนส่วนน้องเนม 3 ขวบ 9 เดือนครับ

ระบบที่เลือกใช้
เราเลือกระบบหนึ่งคนหนึ่งภาษาครับ เหตุที่เลือกใช้ระบบนี้เพราะคิดว่าจะได้ผลเร็วกว่าครับ และผมทำงานเป็นกะอยู่กับลูกๆ ไม่เป็นเวลา จึงอยากเพิ่มความถี่ให้มากที่สุด

เริ่มต้นอย่างไรแล้วเจออุปสรรคอะไรบ้าง แก้ปัญหาอย่างไร
เตรียมตัวก่อนครับ เริ่มจากศัพท์ความรู้ต่างๆ ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ห้องภาษาอังกฤษของเว็บสองภาษาช่วยได้มาก แล้วก็เริ่มพูดซ้ำๆ ในสิ่งที่ทำทุกวัน เช่นตอนอาบน้ำ ตอนชวนแปรงฟัน ชวนทำอะไรต่างๆ พูดแล้วพาเด็กๆ ลงมือทำโดยไม่ต้องแปล เด็กๆ จะเข้าใจเร็วมากครับ

เมื่อก่อนที่บ้าน คุณตา คุณยาย คุณปู่ คุณย่าจะชอบถาม อันโน่น อันนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร ตอนหลังผมบอกให้เปลี่ยนวิธี ไม่ต้องถามแบบนั้น ให้เด็กรับรู้ได้เลยโดยไม่ต้องแปล ผมเก็บการ์ตูนที่เป็นภาษาไทยที่มีอยู่ทั้งหมดออก เริ่มทดแทนด้วยการ์ตูนตามที่คุณบิ๊กและเพื่อนๆ ในเว็บแนะนำ เช่น GO GO adventure , Caillou , Peppa Pig , Handy manny , Wonder pets และตอนนี้ชอบดู Blue’s Clues มาก ทั้งหมดดูเป็นภาษาอังกฤษที่เป็นต้นฉบับตลอด นอกจากนี้ยังหาสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือต่างๆ ที่เป็นประโยชน์มา และอินเทอร์เน็ตช่วยได้มากครับ มีทุกอย่าง

สำหรับอุปสรรค ก็มีช่วงแรกๆ นึกประโยคไม่ค่อยออกครับ บางทีต้องท็อกกิ้งดิกติดตัวเพราะศัพท์ทุกอย่างรอบตัวเรารู้ไม่หมด ตอนหลังๆ ก็ดีขึ้น

ระยะเวลาสอนจนเด็กเริ่มพูดโต้ตอบกลับเป็นภาษาที่สองอย่างเป็นธรรมชาติ
ประมาณ 5 – 6 เดือนครับ

ระดับภาษาอังกฤษของพ่อแม่ตอนเริ่มสอนเป็นอย่างไร มีความมั่นใจแค่ไหนในการสอนลูก
ก็กลางๆ ครับ เพราะเราเรียนแบบระบบเก่าๆ มา แต่มั่นใจว่าทำได้ เพราะเห็นตัวอย่างน้องเพ่ยเพ่ยมาแล้ว

เสี้ยวเวลาที่ลูกโต้ตอบกลับมาเป็นภาษาที่สองได้รู้สึกอย่างไร
ก็ชื่นใจนะครับ แต่เราเข้าใจอยู่แล้วว่าสักวันเด็กๆ ก็ต้องพูดได้ ก็เราสอนให้พูดภาษาไทยก็ยังเป็นปีๆ แล้วเด็กก็พูดได้ ภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน เราสอนทุกวันไปเรื่อยๆ นานวันเข้าเด็กๆ ก็ต้องเข้าใจและพูดสื่อสารหรือตอบโต้ได้ครับ

พัฒนาการในแต่ละช่วง
เดือนแรกลูกฟังอย่างเดียวไม่ตอบโต้
เดือนที่สอง เริ่มตอบ yes , no บ้าง คนโตก่อน พอคนโตเริ่มแล้ว คนน้องจะทำตามพี่อย่างอัตโนมัติ
เดือนที่สามและสี่ เริ่มพูดบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ แล้วพัฒนาการด้านการเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนก็ดีขึ้นมากอย่างชัดเจน
เดือนที่ห้าและหก เด็กๆ จะพูดภาษาอังกฤษกับพ่อตลอด แต่พูดภาษาไทยกับคนอื่นๆ ในครอบครัว

ปัจจุบันนี้ ถ้าคุณพ่อเผลอพูดภาษาไทยกับเขา เขาจะทักทันที Why you speak Thai ? ผมเองก็ต้องเปลี่ยนโหมดกลับทันทีครับ

คิดอย่างไรกับการสอน A Ant มด ในโรงเรียน แล้วอยากฝากอะไรถึงโรงเรียนบ้าง
เป็นการสอนให้เด็กแปลซึ่งผิดหลักการสอนภาษา สมัยเราเด็กๆ พ่อแม่เราสอนเราพูดภาษาไทยไม่เห็นเขาแปลให้เราเลย

เรื่องที่อยากบอกโรงเรียน ก็คงคิดว่ามันเป็นระบบของโรงเรียนเขาครับ เราจะเข้าไปรื้อคงยาก นอกจากจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลผลักดันอย่างจริงจัง

คนรอบข้างมองอย่างไร เมื่อเห็นเราพูดภาษาที่สองกับลูก แล้วเราทำอย่างไร
เขาก็มองๆ ครับ แต่ไม่รู้เขาคิดยังไง เราก็พูดเรื่อยๆ ของเราไป ไม่ค่อยแคร์ เคยมีฝรั่งที่พัทยาเขาเห็นน้องเนมพูดโทรศัพท์ภาษาอังกฤษกับคุณพ่อ เขาถ่ายรูปใหญ่เลย ครูฝรั่งที่โรงเรียนสอนพิเศษเห็นเขาก็ชมว่าดีมากเลยครับ อยากให้คนที่กำลังมองเราคิดว่าคุณพ่อคุณแม่คนนั้นเขากำลังตั้งใจสอนภาษาอังกฤษลูกเขา ไม่ได้คิดจะโอ้อวดแต่อย่างไร

คำแนะนำและความคิดเห็นอื่นๆให้กับพ่อแม่ท่านอื่น
อย่าไปเครียดมากครับ ใช้เวลามากหน่อยก็ไม่เป็นไร รักษาความสม่ำเสมอไว้ ผ่อนคลายบ้างก็ได้ มีอีกหลายๆ อย่างที่ลูกๆ เราต้องเรียนรู้นะครับ จะน่าเสียดายมากถ้าพ่อแม่มีความรู้ภาษาอังกฤษดี แล้วไม่ได้สอนให้ลูกพูดสองภาษา พ่อ แม่บางคนในหมู่บ้านนี้ หลายๆ คนไม่ได้จบจากเมืองนอกมาก็ยังสามารถทำให้ลูกตัวเองสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ ถึงมันจะไม่ถูกต้อง 100 % แต่ก็ถือว่าสื่อสารได้ใช่มั้ยครับ

หากคุณพ่อคุณแม่คิดจะทำอะไรเองเพื่อลูก ลองสอนให้ลูกเราเป็นเด็กสองภาษาสิครับเพราะมันจะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะติดตัวลูกเราไปจนเขาโตและใช้งานได้จริงในอนาคต

คุณแม่ขอแชร์
ตั้งแต่วันแรกที่คุณพ่อซื้อหนังสือของคุณบิ๊กมาอ่าน ทั้งเล่มหนึ่งและเล่มสอง เราก็คุยกันว่า วิธีการสอนภาษาอังกฤษแบบนี้น่าจะใช้ได้ง่ายกว่าการที่จะส่งลูกไปโรงเรียนสองภาษา และที่สำคัญคือประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยค่ะ แล้วคุณพ่อก็สมัครเป็นสมาชิกของหมู่บ้านสองภาษา

ตอนแรกก็เป็นกังวลว่าสำเนียงจะเหมือนฝรั่งหรือเปล่า แล้วคำศัพท์ที่พูดจะถูกต้องไหม ประโยคแบบไหนที่ถูกต้องตามไวยากรณ์ จนเมื่อได้ศึกษาจากบล็อกของสมาชิกหลายๆท่าน ก็ทำให้มั่นใจในหลายๆเรื่องค่ะ ว่าเราก็สามารถสอนลูกได้ คุณพ่อจะหากลวิธีใหม่ๆ เสมอเพื่อให้ลูกสนุกกับการเรียนเป็นภาษาอังกฤษโดยที่ทั้งสองคนไม่เบื่อค่ะและเขาจะพูดโต้ตอบกลับโดยเป็นธรรมชาติ และเข้าใจว่าเวลาพูดกับคุณพ่อต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นคุณพ่อถึงจะพูดด้วย

ประโยคไหนที่คิดไม่ออก เขาก็จะถามว่า How to say in English? เริ่มจากพี่เน็กซ์สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้เร็วค่ะ เพราะชอบอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นประจำและชอบถามว่าคำนั้นภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร แต่ที่แปลกใจมากๆคือ ตอนที่คุณแม่ได้ยินน้องเนมพูดเป็นประโยคครั้งแรกค่ะซึ่งตั้งแต่ที่คุณพ่อเริ่มฝึกเห็นน้องเนมฟังนิ่งๆไม่รู้ว่าเขาเข้าใจว่าอย่างไร เพราะเขาไม่ได้พูดโต้ตอบได้แต่พยักหน้าและ yes no

วันนั้นลูกทานข้าวเสร็จแล้ว เรากำลังนั่งทางข้าวกัน น้องเนมเข้ามาถามคุณพ่อว่า Can I eat some snack? คุณแม่อึ้งเลยค่ะเพราะไม่คิดว่าลูกจะสามารถพูดเป็นประโยคได้เอง ขอเสริมอีกนิดนะค่ะ มีเรื่องขำอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ คุณแม่พาลูกๆไปนอกบ้าน แล้วคุณพ่อโทรศัพท์เข้ามาและขอพูดกับลูก คุณแม่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้พี่เน็กซ์ค่ะ พอพี่เน็กซ์รับโทรศัพท์ เขาก็ทำหน้างงๆ ทำท่าทางเขินๆ แต่ไม่พูดตอบ คุณแม่สงสัยก็ถามว่าทำไมไม่คุยกับคุณพ่อล่ะ พี่เน็กซ์ตอบว่าไม่ใช่คุณพ่อ เอาละสิคุณพ่อเล่นมุกอีกแล้ว คุณแม่ก็บอกว่า คุณพ่อไง คุณพ่อโทรมาอยากคุยด้วย เขาก็ส่ายหน้าแล้วก็หัวเราะคิกคักกับน้องเนม คุณแม่จึงรับโทรศัพท์มาคุยด้วย คุณพ่อบอกว่าเมื่อกี้พูดภาษาไทยกับลูก ก็เลยถึงบ้างอ้อ เข้าใจแล้ว จึงยื่นโทรศัพท์ให้พี่เน็กซ์ใหม่

พอเขารับโทรศัพท์และคุณพ่อพูดภาษาอังกฤษ เขาก็ยิ้มและบอกคุณแม่ว่าใช่คุณพ่อแล้ว ดีใจกันใหญ่ คราวนี้ก็คุยกันสามคนพ่อลูกเลยค่ะ จากวันที่เริ่มต้นจนถึงวันนี้คุณแม่เห็นถึงพัฒนาการที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วในการใช้ภาษาอังกฤษของเขาทั้งสองคน และคิดว่าเราเลือกวิธีการสอนที่ถูกแล้วค่ะ ขอบคุณ คุณบิ๊กที่เป็นต้นแบบในการฝึกฝน และขอบคุณสมาชิกบ้านสองภาษาที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ในการเรียนรู้ ครอบครัวแก้วสมุทรก็ยังต้องฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆค่ะ

วิเคราะห์โดยผู้ใหญ่บิ๊ก
คุณนรากรเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจอีกครอบครัว เพราะคนสอนมีเวลาน้อย แต่ก็มุ่งมั่นในการสร้างเด็กสองภาษา และใช้เวลาทำความเข้าใจแนวคิดเด็กสองภาษาเป็นอย่างดี เน้นทำให้แม่นยำ พลิกจุดอ่อนที่ต้องสอนลูกสองคนให้เป็นจุดแข็ง โดยให้พี่สอนน้องและส่งเสริมให้คุยกันเองเป็นภาษาอังกฤษ

คุณนรากรมีความเข้มแข็งในการบอกผู้ใหญ่ในบ้านให้ “เลิกแปล” สร้างสภาพแวดล้อมส่งเสริมให้เด็กพูดภาษาที่สอง และก็ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในการสอน เข้าห้องภาษาอังกฤษของเว็บสองภาษาบ่อยๆ เพราะตัวคุณนรากรเองภาษาอังกฤษก็ระดับกลางๆ แต่ก็สามารถพูดกับน้องทั้งสองไปตลอดรอดฝั่ง จนเด็กมีความรู้สึกกับภาษา พูดสองภาษาจากความรู้สึกทั้งสองโหมด