น้องพันชี่

หน่อยดีใจมากที่ได้อ่านหนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้และได้มีแรงบันดาลใจให้เราสอนให้ลูกพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติอย่างถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่ให้เป็นของขวัญกับลูกของเราค่ะ

ความในใจแม่หน่อย


ครอบครัว: วิภาคะ (น้องพันชี่)
พ่อ : ศานติ วิภาคะ
แม่ : เรืองรอง วิภาคะ
ลูก : ศิริมาดา วิภาคะ อายุ 7 ปี
อาศัยอยู่จังหวัดเชียงใหม่

รู้จักแนวคิดเด็กสองภาษาได้อย่างไร แล้วทำไมถึงสนใจแนวคิดนี้?
จุดเริ่มต้นจริงๆของครอบครัวเราเริ่มจากการที่พ่อและแม่มีความคิดเห็นตรงกันว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญต่อชีวิตลูก และเริ่มสอนลูกตั้งแต่ลูกเกิด จากนั้นมีเพื่อนมาเห็นแนวทางการเลี้ยงลูกของครอบครัวเราจึงแนะนำให้อ่านหนังสือ เด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ค่ะ ตอนนั้นดีใจมากๆที่มีคนเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา และหลังจากที่อ่านแล้วก็ยิ่งชอบค่ะ หน่อยสนใจแนวคิดนี้เพราะรู้ว่าสามารถทำได้จริงและภาษาที่สองเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในสมัยนี้ และที่สำคัญไม่มีใครทำได้ดีกว่าพ่อแม่ค่ะ

ระบบที่เลือกใช้ฝึกแล้วทำไมถึงเลือกใช้ระบบนี้?
หน่อยเลือกใช้ระบบหนึ่งคนหนึ่งภาษาค่ะ เพราะอยากให้แยกชัดเจนระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ เนื่องจากหน่อยมีเวลาอยู่กับลูก จึงคิดว่าระบบนี้เหมาะกับครอบครัวเราค่ะ

เริ่มต้นอย่างไรแล้วเจออุปสรรคอะไรบ้าง แก้ปัญหาอย่างไร?
เริ่มต้นจากการปรึกษาคนในครอบครัวก่อน เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและไม่เกิดปัญหาภายหลังค่ะ หน่อยหาสื่อการสอน นิทาน ติดจานดาวเทียมเพื่อแม่จะได้ฝึกฟังภาษาอังกฤษ และลูกจะได้ฟังและซึมซับสำเนียงไปด้วยค่ะ เตรียมความพร้อมของแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เน้นที่การฟังของแม่เป็นหลัก เพราะหน่อยคิดว่าเราจะมีความมั่นใจขึ้นมาระดับหนึ่งถ้าหากว่าเราสามารถฟังภาษาอังกฤษออก ซึ่งหน่อยทำควบคู่ไปกับการสอนลูกพูดคำศัพท์ง่ายๆที่เรารู้ไปก่อน ดูสื่อการเรียนไปพร้อมกับลูก

ช่วงแรกหน่อยเจออุปสรรคเยอะมาก เริ่มจากคลังคำศัพท์น้อย พูดเป็นประโยคก็ไม่ได้ หน่อยดูการ์ตูน Caillou จดทุกคำทุกประโยค เข้าเว็บสองภาษา หาเวลาทบทวนอ่านก่อนนอน ( เท่าที่จะทำได้) หาโอกาสที่จะใช้ประโยคที่เราจดไว้กับลูกอยู่เสมอ ทำให้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันให้ได้ การพูดการออกเสียง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและยากมาก หน่อยศึกษาเรื่องโฟนิกส์ คำไหนที่ออกเสียงยากก็พยายามฝึกออกเสียงบ่อยๆ คำไหนที่ไม่แน่ใจก็เช็คการออกเสียงทุกครั้งค่ะ ประโยคไหนที่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงก็เข้าไปดูที่เว็บสองภาษาเลยค่ะ รู้สึกอุ่นใจตรงนี้ที่มีคนช่วยตอบคำถามให้ และอีกอุปสรรคหนึ่งที่กว่าจะผ่านมาได้ก็คือ ความเขินอาย ไม่กล้าพูด กลัวพูดผิด หน่อยเป็นเอามากๆเลยค่ะ เพราะเราไม่เก่ง แต่วิธีที่ทำให้หน่อยฮึดขึ้นมาได้และทำสำเร็จคือ เข้าเว็บสองภาษา ดูคลิปเด็กสองภาษาบ้านอื่นๆ ที่ทำไว้ โดยเฉพาะคลิปน้องเพ่ยเพ่ยน่ารักมาก หาแรงกระตุ้น ทำบ่อยๆ จนเราเคยชิน ความรู้สึกนี้ก็จะหายไปค่ะ

ระยะเวลาสอนจนเด็กเริ่มพูดโต้ตอบกลับเป็นภาษาที่สองอย่างเป็นธรรมชาติ?
หน่อยสอนลูกตั้งแต่เกิด สอนมาเรื่อยๆจนประมาณขวบสามเดือน ลูกตอบกลับได้แค่ “yes” กับ “no” ช่วงตั้งแต่ขวบครึ่งถึงสองขวบลูกก็เริ่มโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติค่ะ

ระดับภาษาอังกฤษของพ่อแม่ตอนเริ่มสอนเป็นอย่างไร มีความมั่นใจแค่ไหนในการสอนลูก?
ความรู้ของแม่น้อยมากค่ะ ฟังไม่เข้าใจ พูดได้นิดหน่อยแบบง่ายๆ วินาทีที่ตั้งใจคิดจะทำนั้นหน่อยยังไม่ได้คิดว่าจะทำได้หรือไม่ได้ แต่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจมาก ขอลองทำเต็มที่ดูก่อน เพราะอยากให้ลูกได้สิ่งนี้มากๆค่ะ ความมั่นใจยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อไดยินลูกตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษและได้อ่านหนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ค่ะ

เสี้ยวเวลาที่ลูกโต้ตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษได้รู้สึกอย่างไร?
ความรู้สึกที่ลูกตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษนั้น ดีใจที่สุด ตื่นเต้นมากค่ะ และสิ่งนี้แหละที่เป็นแรงขับให้เราทำงานหนักมากขึ้นไปอีก เป็นแรงกระตุ้นที่ดีมากๆ

คำแนะนำและความคิดเห็นอื่นๆให้กับพ่อแม่ท่านอื่นในการสอนสองภาษา?
หน่อยเชื่อว่าคนเรามีศักยภาพเท่ากัน แตกต่างกันที่ความมุ่งมั่นตั้งใจ เมื่อก่อนการที่พ่อแม่ไทยจะสอนให้ลูกพูดภาษาอังกฤษดูเป็นเรื่องยาก และไกลความจริงมาก แต่สมัยนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณก็สามารถทำได้ค่ะ ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีค่ะ หน่อยดีใจมากที่ได้อ่านหนังสือ เด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ และได้มีแรงบันดาลใจให้เราได้ทำสิ่งดีๆให้กับลูกของเราค่ะ