น้องจันทร์เจ้า

ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะสร้างลูกเป็นเด็กสองภาษาได้…แต่ตอนนี้ผมอยากบอกทุกคนว่าไม่มีใครเลยที่จะสร้างไม่ได้เหตุที่ผมไม่เชื่อตัวเองว่าจะสร้างได้เพราะผมเรียนแต่ กศน. และตัวผมเองก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วย..ผมสอนโดยเริ่มจากศูนย์ท่องไปสอนไปแต่ผลที่เกิดขึ้นน่าอัศจรรย์มากน้องจันทร์เจ้าไม่เพียงแต่พูดได้แต่อ่านได้ด้วยตั้งแต่อายุสามขวบ ต้องขอบคุณคุณบิ๊กเจ้าของแนวคิดและหลักการดีๆ ที่แม่นยำและนำไปปฏิบัติได้จริงและง่าย

ความในใจพ่อฉี



ครอบครัวน้องจันทร์เจ้า
พ่อแม่: อัศม์เดช แหล่งิ (ฉี) ชื่อจริง จอมิต แหล่งิ (จอม)
ลูก: ดญ.ลลิตพรรณ แหล่งิ (จันทร์เจ้า) อายุ 3 ขวบครึ่ง
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร

เคยเห็นพ่อแม่คนไทย พูดภาษาอังกฤษกับลูกมั้ย คุณรู้สึกอย่างไร?
เคยเห็นพ่อแม่คนไทยพูดภาษาอังกฤษกับลูกบ้างแต่น้อยมาก ความรู้สึกที่เห็นพ่อแม่พูดคุยภาษาอังกฤษกับลูกก็รู้สึกดีครับเพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลและความรู้หลายๆ อย่างบนโลกนี้ก็ถูกเขียนด้วยภาษาอังกฤษ..ภาษาอังกฤษจึงเปรียบเหมือนพาสปอร์ตและเป็นสิ่งที่อยากให้ลูกได้ครับ

รู้จักแนวคิดเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ได้อย่างไร แล้วรู้สึกอย่างไรกับแนวคิดนี้?
ผมรู้จักแนวคิดเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้จากรายการทีวีครับ เปิดทีวีเจอน้องไข่มุกและคุณแม่มาออกรายการทีวีพูดถึงแนวคิดนี้และพูดถึงคุณบิ๊กผมจึงค้นหาในเนตครับ

จริงๆ แล้วผมสอนลูกมาก่อนที่รู้จักแนวคิดนี้…ผมเริ่มจากไม่รู้จักแนวคิดและไม่รู้จักใครๆ ที่เลี้ยงลูกสองภาษาเลยทำตั้งแต่ลูกเกิดโดยไม่มีหลักการอะไรเลย ผมจึงเริ่มจากใช้ความเชื่อในการอ่านออกเสียง เชื่อในสิ่งที่เคยฟังมา และขาดหลักการในการสอนสิ่งที่เกิดขึ้นคือส่วนใหญ่มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ออกเสียงผิดลูกก็ติดในการออกเสียงที่ผิด

ตอนนั้นผมคิดแต่ว่าถ้าทำตั้งแต่เล็กเปรียบเหมือนเป็นภาษาแรกและจะง่าย ตอนมารู้จักแนวคิดนี้ลูกเกือบสองขวบและเริ่มพูดภาษาอังกฤษได้บ้างแล้ว.เหตุที่สนใจแนวคิดนี้และได้สมัครไปอบรมคือแนวคิดนี้เป็นไปตามหลักการเรียนรู้ที่เป็นธรรมชาติ ของมนุษย์ไม่ใช่ผิดธรรมชาติเหมือนหลายๆ ที่ที่เขาทำกัน จึงไปอบรมเพื่อให้เข้าใจในหลักการวิธีการสอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพให้มากที่สุดและเกิดความแม่นยำมื่อทำตามแนวคิดนี้สิ่งที่ได้คือประสิทธิภาพในการสอน ให้ลูกเรียนรู้ เลียนแบบ ก็อปปี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการออกเสียงก็ดีขึ้นด้วย

ระบบที่ใช้ฝึกตามแนวคิดเด็กสองภาษาแล้วทำไมถึงเลือกใช้ระบบนี้?
ระบบที่ใช้ผมใช้ระบบหนึ่งคนหนึ่งภาษา..แต่ก็ไม่ใช่อังกฤษร้อยเปอร์เซ็นต์เนื่องภาษาอังกฤษผมมากใช้วิธีท่องไปสอนไปและพยามยามพูดกับเขาทุกเวลาที่อยู่กับเขาถึงแม้พูดได้ไม่เท่าไหร่ได้แต่คำเดิมๆ ก็พยามพูดเพื่อเน้นความถี่ให้เขาคุ้นเคยเพื่อให้เกิดโหมดภาษาอังกฤษให้ได้ก่อนซึ่งจริงๆแล้วผมทำงานผมเอาลูกไปฝากเนอสเซอรี่ตั้งแต่อายุ 7 เดือนผมมีเวลาอยู่กับเขาแค่ช่วงเย็นถ้าพูดถึงความถี่ในการสอนถือว่าน้อย. แต่ถึงแม้มีเวลาเพียงน้อยนิดก็ยังสร้างให้เป็นเด็กสองภาษาได้ครับ

เริ่มต้นอย่างไร เจออุปสรรคอะไรบ้าง และแก้ปัญหาอย่างไร?
ผมเริ่มจากท่องไปสอนไป เขียนศัพท์ติดผนังบ้านผนังห้องน้ำ เงยหน้ามองอ่านแล้วคุยกับลูก และใช้สื่อเป็นส่วนใหญ่เดาโหลดการ์ตูน ที่พูดช้าๆ ชัดๆ เป็นการ์ตูนภาษาอังกฤษล้วนไม่มีแปล อุปสรรคที่เจอก็คือเวลาพูดคุยมีติดขัดนึกศัพท์ไม่ออก นึกประโยคไม่ออก การแก้ปัญคือ หนึ่งถ้าติดศัพท์หรือรูปประโยคอะไรก็จดไว้แล้วไปค้นหา สองหาก่อนทำการบ้านก่อนแล้วค่อยมาสอน ทุกวันนี้ก็ยังติดขัดแต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับครับ

ระยะเวลาสอนจนเด็กเริ่มพูดโต้กลับเป็นภาษาอังกฤษใช้เวลานานแค่ไหน และเสี้ยวเวลาที่ลูกพูดตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษรู้สึกอย่างไร?
จริงๆ ผมให้ลูกฟังเพลงให้ดูสื่อภาพต่างๆ และการ์ตูนตั้งแต่เด็ก เขาพูดเริ่มพูดตั้งแต่พูดได้ภาษาอังกฤษก็ออกมาเรื่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสี้ยววินาทีที่ลูกพูดได้เราก็รู้สึกปลื้มและเป็นกำลังใจให้เราขยันค้นตามไปด้วย

ระดับภาษาอังกฤษของพ่อแม่ตอนเริ่มสอนเป็นอย่างไร มีความมั่นใจแค่ไหนในการสอนลูก?
ระดับภาษาอังกฤษผมเริ่มจากผมเป็นชาวเผ่าอาข่าจบ กศน. ผมไม่เคยเข้าเรียนภาคปกติ ผมได้ใบประกาศนียบัตรเทียบเท่า ป.4 และทิ้งช่วงไปไม่ได้เรียนต่อ มาเรียนต่อ กศน. อีกที่ตอนอายุ 18 ปีจนจบ ม.6 ครับ สำหรับเรื่องความมั่นใจในการสอนภาษาอังกฤษกับลูก ตอนเริ่มต้นที่สอนผมไม่ได้มั่นใจและผมไม่ได้ตั้งความหวังว่าผมจะต้องทำได้ แต่ผมทำไปแบบไม่ได้คิดอะไรคือมีเท่าไหร่หาข้อมูลได้เท่าไหร่ก็ทำไปเรื่อยๆ แต่ผมทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ครับ

นอกจากอ่านหนังสือเด็กสองภาษาแล้ว เคยเข้าเวิร์กช็อปหรือเปล่า หลังจากเข้าแล้วรู้สึกอย่างไร?
ผมอ่านหนังสือเด็กสองภาษาและก็ได้เข้าเวิร์กช็อปเด็กสองภาษา และเวิร์กช็อปโฟนิกส์และการออกเสียงด้วยหลังจากที่เข้าเวิร์กช็อปก็เข้าใจหลักการต่างๆ มากขึ้นมีความแม่นยำและมี ระสิทธิภาพในการสอนเข้าใจการออกเสียงต่างๆ ให้ถูกต้องให้เคลียยิ่งขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ

รู้สึกท้อไหม อะไรคือสิ่งหล่อเลี้ยงที่ทำให้ไม่หยุดสอน และเดินหน้าต่อจนลูกเป็นเด็กสองภาษา?
ผมไม่เคยท้อครับ เพราะผมเริ่มจากไม่ได้ตั้งความหวังมาก แต่ทำมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องพอเห็นผลก็เลยยิ่งมีกำลังใจและขยันมากขึ้นกว่าเดิมสิ่งที่ผมประสบกับลูกคือไม่มีอะไรที่เขารับไม่ได้เราต่างหากที่ให้เขาได้ไม่พอ

ประสบการณ์ที่เด็กเจอเจ้าของภาษาเป็นอย่างไร?
โอกาสที่น้องจันทร์เจ้าเจอเจ้าของภาษาก็มีไม่บ่อยนัก…ที่พอจะได้เจอบ้างก็ตามสวนสาธารณะหรือตามท้องถนน…แต่เวลาที่พบเจอก็มักจะเดินเข้าไปคุยโดยไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่นิด ไม่ว่าเจ้าของภาษาหรือใครก็แล้วแต่ที่พูดภาษาอังกฤษกับเขารู้สึกว่าจะชอบคุยเป็นพิเศษ

ปัจจุบันลูกเข้าโรงเรียน (เตรียมอนุบาล) ตอนเช้าไปโรงเรียนถ้าวันไหนเจอครูฝรั่งมายืนรับนักเรียนตอนเช้า น้องจันทร์เจ้ามักจะยืนขวางนักเรียนคนอื่นคุยกับครูฝรั่งไม่ยอมเลิกจนกว่าคุณพ่อบอกว่าพอได้แล้ว

ถึงแม้คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พอใจคือว่า เขากล้าพูดโดยไม่เก้อเขินและไม่มีความกลัวในการพูดเลยแม้แต่นิดเดียวไม่ว่าที่ไหนๆ

เสียงตอบรับในการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาของคนรอบข้าง?
คนรอบข้างให้ความสนใจมากครับ เนื่องจากว่าเขาแปลกใจในผลที่เกิดขึ้นว่าทำได้อย่างไร เพราะผมเริ่มจากศูนย์ไม่ได้พูดได้หรือเก่งภาษาอังกฤษมาก่อน ปัจจุบันก็มีการตื่นตัวและมีผู้สนใจและทำตามมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งกลุ่ม Line พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกสองภาษาสมาชิกจากทั่วประเทศ และมีเพจ มีเฟสบุคให้เห็นมากมาย

คำแนะนำให้กับพ่อแม่ที่กำลังคิดสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา
ผมก็อยากบอกพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยตัวเองแค่มีเวลาอยู่กับลูกวันละ 2-3 ชั่วโมงก็สามารถสร้างลูกเป็นเด็กสองภาษาให้เกิดขึ้นได้ เพียงแค่เปลี่ยนจากพูดภาษาไทยกับลูกก็เปลี่ยนเป็นพูดภาษาอังกฤษ พูดได้ไม่กี่คำก็ขอให้พูด พูดบ่อยๆ และค่อยๆ เพิ่ม เพื่อให้เขาเคยชินเมื่อเขากล้าพูดกล้าตอบโต้หรือเมื่อโหมดภาษาอังกฤษเกิดขึ้นแล้ว

เพิ่มปริมาณไม่ใช่เรื่องยากเราสามารถใช้สื่อหรือไปต่อยอดจะเป็นเรื่องง่าย…ส่งลูกเรียนโรงเรียนสองภาษาหรือส่งเรียนพิเศษเสาร์-อาทิตย์ โดยอยู่ที่บ้านไม่มีใครใช้ภาษาอังกฤษกับเขาหรือไม่สร้างโหมดภาษาอังกฤษให้เกิดขึ้นก่อนผมเชื่อว่าลูกคงพูดไม่ได้ครับ