น้องออม

อยากให้คิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับลูก ให้เหมือนเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน อย่าเครียด อย่ากดดันตัวเอง ทำให้มันอยู่บนพื้นฐานของความรัก ความสุขและสนุกกับมันไปเรื่อยๆ ขอเพียงไม่หยุดทำ ไม่ต้องไปกะเกณฑ์ว่าลูกจะต้องพูดได้เมื่อไหร่ ให้คิดว่าเมื่อไหร่ที่เค้าพร้อมคุณพ่อคุณแม่จะได้ยินเค้าพูดออกมาด้วยตัวเองแน่นอนคะ

ความในใจแม่น้องออม


ครอบครัว: วิทยาไพโรจน์ (น้องออม)
ชื่อพ่อ: นพ.เกรียงไกร วิทยาไพโรจน์
ชื่อแม่: พญ.อุ้มจิต วิทยาไพโรจน์ (คนให้สัมภาษณ์)
ชื่อลูก: ดญ.ออมสุข วิทยาไพโรจน์ (อายุ 4ปี ในขณะนั้น)
อาศัยอยู่จังหวัดใด: ขอนแก่น

รู้จักแนวคิดเด็กสองภาษาได้อย่างไร แล้วทำไมถึงสนใจแนวคิดนี้?
จากหนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ เล่มที่1 ร่วมกับช่วงที่ตั้งครรภ์น้องออม คุณแม่ได้อ่านหนังสือ รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว. ซึ่งมีการพูดถึงศักยภาพในการเรียนรู้ของเด็กเล็กๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องภาษา พออ่านหนังสือคุณบิ๊กเล่มแรกจบ คิดว่ามันน่าจะมีความเป็นไปได้ จึงอยากลองฝึกน้องออมดู เราอยากให้ลูกพูดภาษาอังกฤษได้ เราอยากให้เค้ามีความมั่นใจในการสื่อสารกับชาวต่างชาติ

ระบบที่เลือกใช้ แล้วทำไมถึงเลือกใช้ระบบนี้?
เริ่มแรกใช้ระบบหนึ่งเวลาหนึ่งภาษาเพราะแม่ ผู้รับบทเป็นผู้สอน ยังไม่มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ จากนั้นค่อยๆขยับมาเป็นหนึ่งคนหนึ่งภาษา

เริ่มต้นอย่างไรแล้วเจออุปสรรคอะไรบ้าง แก้ปัญหาอย่างไร?
แม้ว่าจะอ่านหนังสือแล้วมั่นใจว่าวิธีนี้ได้ผลแน่ๆ แต่กว่าที่ครอบครัวเราจะได้เริ่มจริงๆจังๆ ก็ตอนน้องออมอายุเกือบๆสองขวบ เหตุผลหลักๆคงเป็นความไม่พร้อมด้านภาษาของแม่เอง และเราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี จนวันหนึ่งเข้าไปในเว็บเด็กสองภาษาไปดูคลิปของครอบครัวที่เริ่มต้นก่อนหน้าเราแล้วเริ่มประสบความสำเร็จ จึงคิดว่าถึงเวลาของบ้านเราบ้างละที่จะต้องเริ่ม

เริ่มแรกก็สอนเค้าเท่าที่เรารู้ก่อน เจอหมาก็พูด “This is a dog.” เจอแมวก็ “This is a cat.” แต่ยึดในกฎไม่แปลเด็ดขาดและก็เพิ่มศัพท์ให้ตัวแม่เองก่อน โดยพก talking dictionary โหลดแอพลิเคชัน dictionary ใส่ไว้ในโทรศัพท์ เข้าห้อง English จดศัพท์ ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เดินดูว่าคำนี้เค้าเรียกว่าอย่างไร คำไหนยังไม่รู้ก็จดไว้แล้วกลับไปหา ซื้อกระดานไวท์บอร์ดมาติดไว้หน้าโต๊ะทานข้าว จดศัพท์ที่จำไม่ได้ลงไป ดูทุกครั้งที่ทานข้าวหรือเดินผ่าน คำไหนจำได้แล้วลบออก

จากคำศัพท์รอบตัวก็เริ่มหารูปประโยคที่จะต้องพูดกับลูก โดยเริ่มจากกิจวัตรประจำวัน อาบน้ำ กินข้าว แปรงฟัน จนถึงเข้านอน ใส่กระดาษโน้ตแปะไว้ตามที่ๆเห็นได้สะดวก แล้วก็ค่อยๆพูดกับเค้าไปเรื่อยๆ

นอกนั้นก็ซื้อหนังสือนิทานเด็กคะ เอาที่มีสองภาษาแต่เลือกอ่านเฉพาะภาษาอังกฤษอ่านให้ฟังก่อนนอนทุกวัน และก็ใช้สื่อการ์ตูนตามที่มีแนะนำในเว็บสองภาษาเช่น Cailliou , Max and ruby, Blue’s clue ค่ะ

ระยะเวลาสอนจนเด็กเริ่มพูดโต้ตอบกลับเป็นภาษาที่สองอย่างเป็นธรรมชาติ?
4 เดือนคะ เรียกว่าลูกพูดคำสั้นๆได้ทั้งสองภาษาเกือบจะพร้อมๆกัน

ระดับภาษาอังกฤษของพ่อแม่ตอนเริ่มสอนเป็นอย่างไร มีความมั่นใจแค่ไหนในการสอนลูก?
ภาษาอังกฤษในการอ่านถือว่าดี เพราะตอนเรียนและทำงานจำเป็นต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเป็นหลักแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นศัพท์เฉพาะไม่ใช่ศัพท์ที่ใช้กันทั่วไป แต่สำหรับการพูดเพื่อสื่อสารอยู่ในระดับแย่ถึงปานกลางเพราะไม่มีโอกาสได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ติดขัดเวลาจะพูด มีความกังวลทุกครั้งเมื่อต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ

เสี้ยวเวลาที่ลูกโต้ตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษได้รู้สึกอย่างไร?
ดีใจมาก คิดว่าในที่สุดความเชื่อและความตั้งใจของเราก็เริ่มเห็นผลบ้างแล้ว

คำแนะนำและความคิดเห็นอื่นๆให้กับพ่อแม่ท่านอื่นในการสอนสองภาษา
แนวทางตามหนังสือคุณบิ๊กนี้เป็นแนวทางที่ทำได้จริง มีครอบครัวหลายๆครอบครัวที่เริ่มแล้วประสบความสำเร็จ ขอให้มั่นใจว่าถ้าเราเริ่มมันก็จะมีวันที่ลูกเราเป็นเด็กสองภาษาได้เหมือนเด็กคนอื่นๆ น้อยครอบครัวนักที่เริ่มโดยที่พ่อแม่มีระดับภาษาอังกฤษที่ดีอยู่แล้ว ส่วนมากจะอยู่ระดับแย่ถึงกลางๆ เพราะส่วนใหญ่เราถูกสอนภาษาอังกฤษด้วยวิธีเน้นไวยากรณ์ เน้นจำเพื่อทำข้อสอบ ซึ่งมันเป็นโปรแกรมที่ถูกฝังมานานมาก แต่ภาษาอังกฤษก็เหมือนกับทุกๆเรื่องคือสามารถพัฒนาได้และไม่ได้มีอะไรยากเกินความตั้งใจ ขอให้อดทนทำไปเรื่อยๆ แล้วคุณพ่อคุณแม่จะพบกับรางวัลที่คุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอนค่ะ