กำแพงความยากต่างระดับมีมาให้เราทดสอบตลอดเส้นทาง

Posted by Prim & Poom on June 21, 2012 at 2:30pm

สวัสดีผู้ใหญ่บ้านและพี่สาวใหญ่แห่งหมู่บ้านแห่งนี้ และ รวมถึงสมาชิกทั้งเก่าใหม่ที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล ด้วยค่ะ
ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนานมากกกก จริงๆ .. วันนี้อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์เล็กๆที่เกิดขึ้นระหว่างทางของบ้านเราน่ะค่ะ ระหว่างทางบนถนนสายนี้ มีเรื่องราวและบททดสอบจิตใจที่มีมาเรื่อยๆจริงๆ .. เราเคยคิดว่าเราทำได้ ทำให้ลูกๆของเราพูดภาษาที่สองได้จากความรู้สึก .. แม้จะถูกบ้างผิดบ้าง แต่อย่างน้อยก็สลับโหมดได้อย่างคล่องแคล่ว และ ไม่พูดปะปนสองภาษาในประโยคเดียวกัน .. ส่วนเรื่องคำศัพท์ ก็ต้องค่อยๆเพิ่มเติมกันไป ทีละเล็กละน้อย อย่างไม่ต้องไปรีบเร่ง เพราะตัวแม่เองยังคงต้องเปิดดิกชันนารี่ อยู่บ่อยๆๆๆ แต่ในระหว่างทางที่เราคิดว่าเราทำได้นั้น มิใช่ว่าจะราบรื่นปราศจากอุปสรรคไปซะหมด วันนี้เลยคิดว่าจะนำประสบการณ์ความยากและอุปสรรคที่พบ มาแบ่งปันให้สมาชิกในหมุ่บ้านฟังบ้างเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของครอบครัวเราค่ะ

อุปสรรคแรก หรือ บททดสอบจิตใจที่จะยกมาแบ่งปันวันนี้ก็คือ เรื่องเวลาที่นับวันจะน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากลูกใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่รร. ที่เป็น รร.ไทย ไม่ใช้ภาษาอังกฤษมากนัก ..ทำให้เค้ามีเวลาฝึกปรือ วิทยายุทธ์ที่บ้านน้อยลงเรื่อยๆ .. เราพยายามก้าวข้ามอุปสรรคนี้ด้วยการบังคับตัวเองผู้สอนให้คงเส้นคงวาให้มากที่สุด หรือ ที่ผุ้ใหญ่บ้านของเราเรียกว่า “ความถี่” นั่นเอง .. ผลที่ได้ แรกๆก็ดึงกลับมาได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำให้แอบเครียดอยู่ไม่น้อย .. แต่ในที่สุด เราก็ค้นพบว่า “อย่าเครียดเลย มีเวลาเท่าไหนก็ทำเท่านั้นแหละ” ทำให้มีความสุขที่สุด .. ท่าจะดีกว่า ..หลังจากคิดได้อย่างนี้เราก็มีความเครียดน้อยลงค่ะ และก็พบว่าทำต่อไปได้มีความสุขเหมือนเดิม แม้เวลาจะน้อยลงก็ตาม ..

อุปสรรคที่สอง คือ การสอนภาษาอังกฤษของรร. ก็คือ สอนไปแปลไป .. ตอนแรกๆ พยายามอย่างยิ่งค่ะ (พยายามจนเครียด . อีกแล้ว) .. ที่จะต่อต้าน .. ไม่แปล .. แต่พบว่า ต้านไม่ไหวค่ะ .. ย้ำ ..ต้านไม่ไหวจริงๆ ..เพราะลูกเรียนแบบนั้นแหละค่ะ แบบที่เราไม่อยากได้ แต่เค้าต้องเรียนมันที่รร. .. เราก็พยายามก้าวข้ามอุปสรรคนี้ด้วยการ ปล่อย ..ปล่อยให้เค้าเรียนไปตามแบบที่เค้าต้องเรียน และ เรียนเหมือนเพื่อนๆที่รร. .. ส่วนทางเราก็ สอนให้เค้าเรียนแบบเราต่อไป .. สอนแบบไม่แปลของเราต่อไป .. ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องท่องศัพท์ที่รร.มอบหมายให้มา เราก็ให้เค้าท่อง ท่องแต่ภาษาอังกฤษ อย่างเดียวเลย .. ไม่แปลให้เค้าฟังเลย…ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าก็ต้องอ่านคำแปล แต่เราจะไม่พูดถึงเลย .. ถ้าคำไหนเค้ายังไม่ได้อ่านคำแปล และเป็นศัพท์ค่อนข้างใหม่ เราจะถือโอกาสแปลเลยค่ะ แปลเป็นภาษาอังกฤษ ตามแบบฉบับของเรา ทั้ง ทำท่า ทั้งยกตัวอย่าง ทั้งอธิบาย.. .. (และไม่ลืมที่จะกำชับลูกด้วยว่า เวลาสอบแบบ Dictation ในห้องเรียน ต้องอย่าลืมเขียนคำแปลไปด้วยนะลูก ^ ^ เดี๋ยวจะอดได้คะแนน) … เราพบว่าเราผ่านอุปสรรคข้อนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นมากนักค่ะ

อุปสรรคที่สาม ที่จะยกมาพูดในวันนี้ คือ .. การเรียนภาษาอังกฤษที่รร. ในเรื่องไวยกรณ์ … ข้อนี้นับว่ายากจริงๆค่ะ และทำใจยากด้วยที่จะไม่สอนไวยกรณ์ … ตอนแรกๆ ไม่สอนค่ะ ใช้ให้ลูกดูเลย .. แต่ก็พบว่าไม่ได้ผลค่ะ เพราะเด็กเรียนไวยกรณ์ เหมือนที่เมื่อก่อนเราก็เรียนนั่นแหละค่ะ .. … และประกอบกับเด็กของเราก็อยู่ในช่วงฝึกหัด ไวยกรณ์บางครั้งก็ผิดๆถูกๆ อยู่ have has – go went gone – there is , there are etc. เค้ายังมีสับสน และใช้ไม่ถูกอยู่บ้าง .. ทำให้เราไม่กล้าปล่อยเว้นข้ามที่จะไม่สอนตามบทเรียนเค้า ..
เราก้าวข้ามผ่านอุปสรรคข้อนี้ด้วยการ .. ตัดสินใจสอนตามบทเรียนค่ะ .. สอนไวยกรณ์นั่นแหละค่ะ สอนไปตามที่เค้าจะเอาไปสอบในรร.ให้ได้คะแนนดีๆ … แต่ …. สอนแบบเราคือ สอนไวยกรณ์โดยอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ … ค่อยๆ สอนไป ยกตัวอย่างกันไป.. เราพบว่า เราค่อยๆก้าวผ่านทีละความยากของอุปสรรคข้อนี้ได้เช่นกันค่ะ ..

มาถึงวันนี้ อุปสรรคระหว่างทางจริงๆมีมากกว่านี้ แต่ในเนื้อหาบล็อกนี้คงยกตัวอย่างมาแบ่งปันเพียงแค่นี้ก่อน ที่คนอ่านจะเบื่อซะก่อนค่ะ .. ถึงแม้ระหว่างทางจะมีอุปสรรคมากมายให้เราเหนื่อยและท้อเป็นระยะ… แต่ครอบครัวของเราก็ยังคงประคับประคองทุกๆก้าวการสอนให้คงอยู่ในระบบตามผุ้ใหญ่บ้านต่อไปค่ะ .. อาจจะต้องนำมาปรับเปลี่ยนแปลงบ้างตามความเหมาะสมค่ะ ..

ท้ายนี้ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ครอบครัวที่พบเจออุปสรรค ต่างๆ (อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนครอบครัวของเรา) และ ครอบครัวทุกๆครอบครัวที่เพิ่งเริ่มแต่มุ่งมั่นสร้างลูกๆสองภาษากันต่อไปค่ะ .. .. สู้สู้ค่า… ^ ^

เก๋ .. (แม่น้องพริม น้องพูม)