3 ปี ตามแนวคิดเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Posted by แม่ไออุ่น on July 8, 2015 at 11:30am

3 ปี สอนลูกสองภาษา ตามแนวคิดเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้
แม่เนติ์ พ่อโต้ ไออุ่น

บ้านเราสอนไออุ่นให้เป็นสองภาษามาแล้ว 3 ปี ตอนนี้ไออุ่นอายุ 5 ปี 8 เดือน
เนติ์เขียนบันทึกน้อยมาก ครั้งนี้เป็นโอกาสพิเศษ ที่อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในเส้นทางของเด็กสองภาษาที่ผ่านมา ปัจจุบันที่กำลังทำอยู่ และอนาคตที่จะก้าวต่อไปค่ะ

1 ช่วงเริ่มต้น ทำไมถึงสอนลูกสองภาษา

โอกาสวางอยู่ตรงหน้า ขึ้นอยู่กับว่าจะคว้ามันไว้หรือจะปล่อยมันไป

เนติ์เคยซื้อหนังสือเด็กสองภาษาเล่ม 1 และ 2 มาอ่าน ตั้งแต่ตอนไออุ่นยังอยู่ในท้อง แต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ประโยคเยอะจะไปจำได้ยังไง เราจะพูดออกมาอย่างใจคิดได้อย่างไร เลยเก็บหนังสือไว้ ไม่ได้อ่านอีกเลย ( เสียดายมากๆ ที่ปล่อยมันไป ) พอช่วงไออุ่นอายุ 2 ปี 7 เดือน เนติ์ได้เปิดเข้าไปดูในเวปไซต์ 2pasa.com อีกครั้ง ได้ดูโพสต์เขียนประสบการณ์ของคุณพ่อคุณแม่ และคลิปเด็กสองภาษาหลายคน ที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติมากๆ พอพบว่ามีคนนำไปใช้แล้วได้ผลจริง งั้นเราก็น่าจะทำได้สิ ประกอบกับช่วงนั้นได้เข้าเวิร์กช็อปของคุณบิ๊กที่พิษณุโลก เลยกลับมาสนใจมันอีกครั้ง (ดีใจมากๆ ที่กลับมาคว้ามันไว้) ศึกษาแนวคิดให้แม่นยำ พยายามสอนลูกให้เป๊ะและเหตุผลในการสอนลูกสองภาษา ณ ตอนนั้น ก็แค่อยากให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาที่ดี พูดภาษาอังกฤษได้เหมือนเด็กๆ ในเวปสองภาษา

ประเด็นชวนคิด

เนติ์เคยเห็นพี่หมอที่รพ. คุยกับสามีชาวต่างชาติ ใช้ภาษาง่ายมาก เราก็ถามเค้าว่าทำไมใช้ภาษาง่ายจังคะ พี่เค้าตอบว่าจะใช้ยากๆ ไปทำไมหล่ะ เออ นั่นสินะ

เนติ์เคยให้ครูชาวฟิลิปปินส์ มาสอนไออุ่นที่บ้าน เราอยู่ด้วยตลอด จึงค้นพบว่าคุณครูก็ใช้ศัพท์ง่ายๆ นี่นา คำที่ใช้กับเด็กๆ ไม่ยากมาก มีตามชีวิตประจำวันเด็กเท่านั้นเอง ถ้าเราพอลงแรงใช้เวลากับลูกได้ก็น่าจะดีนะ

มีหลายคนเคยทักว่า ทำไมต้องรีบสอนภาษาอังกฤษให้ลูก ขนาดเนติ์เอง ยังพูดได้เลย ไม่เห็นได้เรียนมาตั้งแต่เด็ก รอไปเรียนตอนโตก็ได้ ตอนนั้นก็ เออๆ ออๆ ไป แต่ดีนะที่ไม่เลิกสอน รู้สึกว่ามันดีออก ก็เลยสอนมาเรื่อยๆ และเพิ่งมาได้คำตอบในช่วงหลังนี้ว่า โลกเปลี่ยนไปทุกวัน ภาษานี่แหละที่นอกจากจะทำให้ลูกสื่อสารได้แล้ว ยังเป็นสิ่งที่นำพาลูกสู่การเรียนรู้ และแหล่งเรียนรู้ของโลก การให้ทุนทางปัญญานี้กับลูก จะทำให้เค้าเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ กว่าจะรอถึงตอนโต ก็น่าเสียดายช่วงเวลาช่องว่างระหว่างรอตรงนั้นค่ะ

โชคดีอย่าง ที่ถึงแม้เนติ์จะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่ความชอบและความมุ่งมั่นที่จะนำไปสอนลูก ก็ทำให้เรียนรู้ไปได้เรื่อยๆอย่างสนุก ซึ่งเรื่องยอดฮิตที่ทำให้คนส่วนใหญ่ติดอยู่ และข้ามผ่านมันไปไม่ได้ ทำให้ไม่ได้เริ่มสอน ก็คือ ไม่เก่งภาษาอังกฤษ กลัวลูกจำไปผิดๆ กลัวลูกสำเนียงไม่ดี คุณบิ๊กบอกว่า “อย่าดูถูกความเป็นมนุษย์” ไม่รู้ก็เรียน เรียนรู้แล้วสอนเลย พ่อแม่ได้ลูกก็ได้ด้วย อย่าลืมว่าเราคุยกับลูกแต่ละวัน ใช้ประโยคหลักๆ ไม่มาก (ลองคิดเป็นภาษาไทยดูก็ได้ค่ะ ว่าวันๆนึงเราคุยอะไรกับลูกบ้าง)

** ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษกับลูกทั้งวันนะคะ ถ้าเราเก่งก็พูดตลอดโดยใช้ระบบ OPOL ( one person one language ) ถ้ายังไม่เก่งก็ใช้ระบบ OTOL ( one time one language ) พูดได้แค่ไหนแค่นั้น เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ แล้วค่อยๆขยาย ออกไปเรื่อยๆ เพิ่มพื้นที่ปลอดภัยให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ**

ตอนนั้นพ่อโต้แค่สนับสนุนว่า “ทำเลย ก็พูดเลยสิ” แค่นั้นเอง พ่อโต้เป็นคนที่กลัวภาษาอังกฤษมาก หน้าที่สอนนี้จึงตกอยู่ที่แม่เนติ์เต็มๆ ( และพ่อสัญญาว่าจะสอนภาษาไทยเอง 555) เนติ์โชคดีที่ไม่มีใครต่อต้าน (ยกเว้นลูกสาวที่ต่อต้านสุดๆ ไว้จะเล่าให้ฟังนะคะ) มีกองหนุนก็ดี ไม่มีก็จัดเองเลย กำลังใจตรงหน้าก็คือลูกของเราใช่ไหมคะ

เวลามันเดินหน้าตลอด ทำไปยิ้มไป ผลที่ออกมาจะทำให้เรายิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆค่ะ
ใครสนใจเริ่ม ปรึกษามาค่ะ ไว้เดินไปด้วยกันนะคะ

เนติ์ แม่ไออุ่น
พิษณุโลก