ใครไม่เก่งภาษาอังกฤษ และสอนลูกตอนโต เชิญทางนี้ค่ะ (Background ก่อนนะ)

Posted by mom_jenita on August 16, 2009 at 4:20am

เรื่องนี้เป็น Background ของครอบครัวเราในการสร้างครอบครัว 2 ภาษา จริงๆ ไม่ได้น่าสนใจมากนัก แต่ถ้าอ่านแล้ว อาจช่วยให้คุณเห็นว่า การที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ และลักษณะครอบครัวของเราแบบนี้ อาจคล้ายกับบางครอบครัว ซึ่งอาจพอจะนำไปปรับใช้กับคุณได้บ้าง (แต่ถ้าใครอยากไปสู่วิธีการ ข้ามไปที่เรื่อง 2 กับ 3 ได้เลยค่ะ)

ได้แรงบันดาลใจจากคุณเล็ก เพราะอ่าน blog คุณเล็ก แล้วรู้สึกว่าเอามาใช้ประโยชน์กับเราได้ ก็เลยอยากแบ่งปันประสบการณ์ตัวเองบ้างและมีพ่อแม่ที่บอกว่าตัวเองไม่เก่งภาษาอังกฤษ เราก็เป็นอีกคนนึงค่ะที่รู้สึกยังงั้น

เรารู้จัก web นี้ด้วยความบังเอิญ เพราะเป็นคุณแม่ที่ชอบหาความรู้ทางอินเตอร์เนตอยู่แล้ว อยู่ๆก็มาเจอ web นี้กลางดึก ช่วงเดือนมีนาคม เปิดดูคลิปน้องเพ่ย เพ่ย ตะลึงมาก ต้องปลุกพ่อณิตาขึ้นมาฟัง กลางดึก และมาชื่นชมกันใหญ่ หลังจากนั้นเราก็เข้ามาเป็นระยะ มาเอาแรงกระตุ้นจากน้องเพ่ย เพ่ย รู้สึกตอนนั้นมีคุณแพทที่เข้ามาก่อนใครเลย และวันนึงก็มีคนตั้งกระทู้ถามว่า ถ้าพูดยังงี้ ภาษาอังกฤษพูดว่ายังไง และมีคุณแพทใจดีมาตอบเป็นคนแรก ตอนนั้นเราคิดว่า นี่แหละใช่เลย !!!! ที่เราต้องการ(ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้ง eng club)

ข้อตกลงเบื้องต้นก่อนอ่าน (พูดยังกะทำวิจัย 555…)
• เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เราไม่สามารถใช้สูตรได้ตายตัว ว่าทำแบบไหนจะดีที่สุด คนที่ตอบได้ดีที่สุดว่าลูกเราจะเหมาะกับแบบไหน ก็คือพ่อแม่นั่นเอง
• การเขียนตรงนี้ ไม่ได้แปลว่า ประสบความสำเร็จและลูกพูดเก่งแล้ว แต่เป็นเส้นทางครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนึง หลงทางไปบ้าง ก้าวถูกก็มี ก็เลยไม่อยากให้คนอื่นหลงทาง เส้นทางจะได้สั้นขึ้น

เริ่มฝึกณิตา ตอน 2.5 ปี ตอนนี้ก็ประมาณ 5 เดือน ค่ะ
ภูมิหลังด้านภาษาอังกฤษและลักษณะครอบครัวเรา (อันนี้ลอกคุณเล็ก จะได้รู้ว่า ไม่เก่งก็สอนได้ค่า…)
• จบปริญญาตรี
• กำลังเรียนต่อปริญญาโทอยู่
• ทำงานที่คิดว่า คนอื่นน่าจะบอกว่า น่าจะเก่งภาษาอังกฤษนะ (แต่จริงๆไม่เก่งเลย…) ไม่อยากบอกกลัวเสื่อมเสียวิชาชีพ 555….
• ตอนเรียนมัธยม ไม่ค่อยชอบภาษาอังกฤษเท่าไหร่ เรียนไม่ได้เลวร้ายมาก แต่รู้สึกว่าไม่เข้าใจ เป็นยาขม
• เรียนปริญญาตรี และโท ต้องอ่านภาษาอังกฤษเป็นประจำ (textbook,paper) ก็อ่านได้ เพราะจำเป็น แต่เหนื่อย ไม่สนุก
• ฟังภาษาอังกฤษพอได้ แต่ต้องมีสมาธิมากๆ (ต้องตั้งใจ)

• เวลานั่งฟัง professor บรรยายต้องตั้งใจสุดๆ ถ้าสมาธิหลุดคือไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งเป็นบ่อยมากกกก…
• ปกติเวลาฟังฝรั่งพูด โดยที่เราไม่เกี่ยวข้องจะพอฟังออก พอฝรั่งหันมาพูดด้วยปุ๊บ สติจะแตกทันที ฟังไม่รู้เรื่องเลย 555…

• ปัญหาใหญ่ที่สุด คือ การพูดออกมา คิดประโยคไม่ออก ซึ่งเป็นปัญหาหลักของการสร้างลูก 2 ภาษา
• เรามีเวลาอยู่กับลูกตอนเช้า และตอนไปส่งที่รร. ตอนเย็นไปรับกลับถึงก่อนนอน และเสาร์ อาทิตย์ เหมือนเยอะ แต่ความหนักอยู่ที่ เรียนโท อยู่ ทำงานหนักมาก ต้องอาศัยทำงานหลังลูกนอนและเรื่องใหญ่คือ ไม่เก่งภาษาอังกฤษ จึงต้องค้นคว้าหาความรู้และต้องเตรียมตัวเยอะ จะเห็นบ่อยว่า ตั้งกระทู้ตอน ตี 3 รึว่าเกือบเช้า
• เลี้ยงลูกกันเอง ไม่มีพี่เลี้ยง
• คุณพ่อทำงานหนัก อยู่กับลูกค่อนข้างน้อย
• ก่อนหน้านี้ ก็อ่านมาเยอะว่าเวลาสอนภาษาอังกฤษไม่ต้องแปล อ่านบ่อยมาก ก็ได้แค่สอนคำศัพท์ ไม่มีใครบอกว่าให้สอนวลี ผูกประโยค ก็สอนมาแบบไม่แปล แต่ด้วยความที่อยู่กับแม่เยอะกว่าคนอื่น สอนคนเดียวทุกอย่าง เกิดความสับสน (ของแม่มากกว่า) ก็เลยหยุดไปช่วงที่เค้าเริ่มพูดเก่งและคิดว่า โตหน่อยค่อยสอน อ้าว…ไหงเป็นงั้นไป

• ลูกเรียนรร. สามภาษา หวังแค่สภาพแวดล้อมเอื้อในช่วงวัยเด็ก ได้ฟังครูต่างชาติพูด สร้างทัศนคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษ คิดว่าตอบคำถามได้ว่า อยู่รร.สามภาษา ช่วยมั้ย ก็ขอตอบว่า ช่วยได้บ้าง เรื่องทัศนคติ และได้รับบางอย่างซ้ำๆ แต่ตามความคิดเรา คิดว่าไม่ได้ช่วยให้ลูกพูดเก่งขึ้น เพราะอยู่ที่รร.โอกาสจะซ้ำในจุดที่ลูกยังไม่ได้น้อย และลูกอยู่กับเรามากกว่า จึงคิดว่าคงจะอยู่แค่อนุบาลและตอนนั้นคงเริ่มพูดได้เก่งมากขึ้น และกลับเข้าสู่รร.รัฐบาลที่เราคุ้นชิน เพราะเราคิดถึงเรื่องวิชาการและต้องย้ายกลับบ้าน(เรียนจบ) และคิดว่าคงจะสร้างสิ่งแวดล้อม แบบที่คุณอ๊อบ ทำกับต้นกล้า อันนี้ลอกคุณอ๊อบเห็นๆๆ

• ช่วงแรกที่สอนลูก ณิตาไม่ได้ต่อต้านอะไรมาก อาจเพราะค่อยเป็นค่อยไป ตอนแรกพูดประโยคยาวไปลูกก็ทำหน้างง ไม่สนใจ ก็หยุดการพูดยาวไปก่อน หาวิธีใหม่

• ต่อมา เค้ามีตุ๊กตาหลายตัวที่ช่วงนั้นเค้าชอบเล่นอาบน้ำ แต่งตัว ป้อนข้าว เราก็เลยบอกว่า ตุ๊กตาเค้าน่ะ พูดภาษาอังกฤษนะ ถ้าอยากบอกเค้าให้ทำอะไรต้องพูดภาษาอังกฤษ ช่วงแรกเค้าก็บอกแม่ว่า คุณแม่บอก rabbit ให้หน่อยว่าได้เวลาอาบน้ำแล้ว คุณแม่บอก dog ให้หน่อยว่าให้นอนลง แม่ก็ถือโอกาสตอนนี้เลย เวลาเล่นกับเค้าสร้างสถานการณ์อาบน้ำ กินข้าว ทำอาหาร ได้วลีและประโยคมากมายในตอนนั้น ซึ่งต่อมาเค้าก็พูดตามเรา ต่อมาเราเลยใช้กลยุทธ์ให้เค้าเรียนภาษาอังกฤษกับตุ๊กตา ซึ่งก็คือแม่นี่แหละพาพูด หลังๆงง งง ไงไม่รู้ เค้าก็มาสอนตุ๊กตาเค้าพูดภาษาอังกฤษเอง 555…เค้าคงลืม