ระยะเวลาที่เปลี่ยนไป แต่ความตั้งใจแม่ยังเหมือนเดิม ตอน1

Posted by อรดา พงศ์สุธนะ on March 13, 2013 at 11:30am

สวัสดีคุณบิก พี่ตุ๊กตา และชาวครอบครัวสองภาษาที่รักทุกๆคน

ห่างหายไปนานกับการได้เข้ามาในเวปสองภาษา แต่ในใจยังระลึกและคิดถึงเสมอ เหมือนเป็นอีกบ้านหนึ่งในหัวใจเรา มาวันนี้อยากจะเล่าพัฒนาการที่ผ่านมาเกือบ4ปี สำหรับการสร้างเด็กสองภาษาของลูกสาววัย 6 ขวบ และ 3 ขวบ น้องเคทและน้องแคลร์

น้องเคทวัย 6 ขวบ

แรกเริ่มเลยได้สอนน้องเคทวัย2.8 ปี ให้พูดภาษาอังกฤษ ขณะนั้น แม่และเขายังไม่คล่องในการพูดภาษาอังกฤษเลย แต่ต้องยอมรับเลยค่ะว่ายิ่งเล็กยิ่งสอนง้ายๆๆๆๆ

ตั้งแต่เคทเริ่มเข้ารร.ไทย-จีน ภาษาอังกฤษที่ได้ใช้ก็น้อยลง เจอกับระบบการแปลที่เที่ยงแท้และยั่งยืนของการศึกษาไทย ( ซึ่งชาตินี้ก็คงจะเปลี่ยนได้ยาก) ลูกคุยไทยกับครูกับเพื่อนตลอดเวลา กลับมาบ้านแม่พูดอังกฤษด้วย ลูกตอบเป็นไทย ได้แต่ขอให้ลูกพูดอังกฤษด้วย เพราะไม่งั้นน้องก็จะไม่ได้ด้วย มาวิเคราะห์เป็นข้อๆกันเลยค่ะ

(ปกติแม่พูดอังกฤษด้วยสัก60-70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือใช้ภาษาไทยอบรมมารยาท สอนการบ้าน)

  1. ทักษะการฟังอังกฤษ เคทฟังภาษาอังกฤษได้ดีมาก เวลาเปิดการ์ตูนให้ดูก็จะขอดูซาวแทรค์เพียงอย่างเดียว ประมาณว่าฟังภาษาไทยแล้ว ไม่ได้อรรถรส ฉนั้นเรื่องเปิดเสียงอังกฤษให้ดูไม่มีปัญหาเลยค่ะ

เขาจะเปิดดูรายการโปรดในยูทูปและฟังเสียงภาษาอังกฤษเข้าใจได้ในระดับหนึ่งเลยค่ะ

  1. ทักษะการพูด อันนี้คิดว่าเขาน่าจะพูดอังกฤษได้ดี เพราะสังเกตเวลาบอกลูกเสียงดังๆว่า (อันนี้ไม่ได้มาในเวอชั่นโหดนะคะ แต่เราอยากให้ลูกได้อ่ะค่ะ) Kate, Can you speak English เขากลับตอบและประติดประต่อประโยคได้ดีกว่าที่แม่คิดไว้เสียอีก แต่เขาไม่ค่อยยอมพูด เนื่องจากตอนนี้เขาเรียนรรไทยเพื่อนไทย พูดไทยกันคล่องปาก นึกออกไว พูดไทยกันมันส์หยด แหมๆ ถ้าลูกพูดอังกฤษฟุตฟิตมันส์หยด แม่ก็คงจะสบายเฉิบทีเดียว
  2. ทักษะการอ่าน ไม่น่าเชื่อเลยว่าการอ่านของเคทจะดีขึ้นมาก และเริ่มอ่านภาษาอังกฤษออก พร้อมกับภาษาไทยเลย เป็นเพราะทุกวันแม่พยายามอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังทุกๆคืน มันมีผลดีอย่างนี้นี่เอง เขาสามารถอ่านประโยคยากๆ รู้โครงสร้างประโยค แบบที่ไม่ต้องสอนแกรมม่ากันให้ปวดสมอง พอเอาเนื่อหาไปให้ครูดู เขาว่าความรู้น่าจะป.2-3 แล้ว ทั้งทีเขาอยู่อนุบาล 3

และก็แปลกมากๆที่เวลาครูให้เขาแปลประโยคบนกระดาน เขาสามารถแปลผ่านเป็นภาษาไทยโดยอัตโนมัติโดยที่แม่อย่างเราไม่เคยสอนแปลเลยสมองเขาเชื่อมโยงกันเองได้เลย ซึ่งน่าอเมสซิ่งมากๆเลย

  1. ทักษะการเขียน ทักษะการเขียนในวัยนี้จะยังไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่สามารถวัดได้คือการเอาภาพมาแล้วให้ลูกเล่าจากจิตนาการเขา ซึ่งดิฉันคิดว่าน่าจะนำไปสู่การเขียนที่ดีในอนาคตได้ ที่เล่ามาก็เป็นพัฒการที่ผ่านไปและเปลี่ยนไป เชื่อว่าพ่อแม่หลายๆคนก็คงได้พบเจอกับปัญหาต่างๆ และไม่ยอมจำนนท์ต่อสิ่งแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยภาษาไทย

.มีคนรอบข้างดิฉันหลายๆคนบอกกับดิฉันว่า ดิฉันเก่งภาษาอังกฤษ บอกเลยค่ะว่าไม่จริงเลย

เพราะตอนที่ดิฉันอ่านหนังสือคุณบิก ประโยคง่ายๆในหนังสือคุณบิกเล่ม 1 ดิฉันไม่รู้สะเป็นส่วนใหญ่เลย แต่ดิฉันก็ไม่กลัว คิดบวกกับตัวเอง ทำให้การที่ดิฉันอยากจะพัฒนาตนเองให้เก่งภาษาอังกฤษขึ้นมานั่้น มันส่งผลต่อพัฒนาการภาษาอังกฤษที่ดีในอนาคตของลูกสาวดิฉันสองคนด้วย ซึ่งมันทำให้เราไม่อยากท้อแท้และยอมแพ้เลยค่ะ

ฉบับหน้าดิฉันจะขอเล่าพัฒนาการเรื่องลูกสาวคนเล็ก ซึ่งดิฉันสอนตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว น่าติดตามมากๆค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านบล็อกดิฉันนะคะ